วันอังคาร, มกราคม 31, 2560

Atelier Tanaka : Prologue

ณ พื้นที่โล่งสีขาว

มีแค่ผม กับพระเจ้าที่ยืนอยู่ข้างหน้า ไม่มีทั้งพื้นดิน ไม่มีทั้งท้องฟ้า เส้นขอบฟ้าก็ไม่มี เหมือนกับเป็นมิติแยกออกมาที่เต็มไปด้วยสีขาว

"โย่! นายตายเพราะชั้นทำพลาดน่ะ"

"นั่นมันแรงไปหน่อยนะเฟ้ย!"

"เพื่อเป็นการขอโทษ ชั้นจะส่งนายไปโลกแฟนตาซี ที่มีทั้งดาบและเวทมนต์ ที่ที่นายจะมีทั้ง เงิน พลัง และก็ผู้หญิง ได้ทุกอย่างเลย! ชั้นใจดีใช่มั้ยล่ะ?"

"เอาจริงดิ?"

"ใช่แล้ว!"

"ขอบคุณมากครับ!"

"เอาล่ะ! ได้เวลาเลือกพลังสุดโกงของนายแล้ว"

"ได้โปรด ขอให้ผมหล่อลากกระชากใจสาวด้วยเถอะ"

"หล่อลากกระชากใจ?"

"ใช่แล้วครับ!"

"แน่ใจนะ?"

"แน่ใจที่สุดครับ!"

"ช่วยทำให้ผมหล่อโคตรๆ หล่อขนาดที่ทุกๆคนจะต้องมาชอบผม!"

"ฟังดูดีทีเดียว แต่นายรู้มั้ย? ชั้นทำให้นายเป็นคนหล่อสุดๆแบบนั้นไม่ได้น่ะ"

"ทำไมกัน? พระเจ้า! ทำม้ายย?!"

"มันแค่เป็นชะตากรรมตั้งแต่เกิดแล้วน่ะ ว่านายไม่มีทางหล่อได้เลย"

"ได้โปรดเถอะคร้าบ ทำให้ผมหล่อโคตรๆทีเถอะ! ผมต้องการแค่นั้น! นี่เป็นการขอโทษสำหรับการตายของผมไม่ใช่หรอ?!"

"ไม่ได้น่ะสิ นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ชั้นจะทำให้นายได้"

"ม่ายยยย...."

"เพราะงั้น เลือกอย่างอื่นเถอะ"

"..."

"ไม่เอาน่า...เร็วสิ"

"ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ผมขอเวทย์ฟื้นฟู เวทย์ที่รักษาได้ทุกอย่างทั้งอาการบาดเจ็บและโรคภัย"

"ดีมาก! ชั้นจะให้เวทย์ฟื้นฟูที่ยอดที่สุดกับนายเอง!"

ชั้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของชั้น

"ขอบคุณมากครับ."

"ขอให้สนุกกับประสบการณ์สดใหม่จากธรรมชาตินะ"

"ขอบคุณ...?"

Atelier Tanaka ตอนที่ 2 : กิลด์นักผจญภัย(1)

กิลด์นักผจญภัย (1)


“ที่นี่ไงล่ะ”

หลังจากที่ถามคนในเมืองไปตั้งหลายคน ในที่สุดชั้นก็เจอคนที่ยอมบอกชั้นซะทีว่ากิลด์นักผจญภัยอยู่ที่ไหน

คนที่ช่วยชั้นชื่อว่า “ไมเคิล” ชั้นจะจำมันไว้ ในกรณีที่ชั้นรอดจากการถูกแขวนคอ ชั้นจะไปขอบคุณเขาทีหลัง

(ได้เวลาหาภารกิจทำซะแล้วสิ)

ประตูไม้สองข้างที่แกว่งไปมา ดูเหมือนออกมาจากหนังตะวันตก ข้างในนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูหน้าตาน่ากลัวมากมาย

พวกเขาทั้งหมดจ้องมาที่ชั้น

(น่ากลัวชะมัด)

ชั้นเดินตัวสั่นเข้าไปตรงเคานเตอร์ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือชายหัวล้านดูท่าทางแข็งแรงที่อายุพอๆกับตัวชั้น

“ขอโทษทีนะ ชั้นอยากจะทำภารกิจเพื่อหาเงินสักหน่อยน่ะ”

เขาตอบชั้นกลับมาตรงๆ

“เอ๋? นายอยากจะเป็นนักผจญภัยงั้นหรอ? อายุขนาดนี้เนี่ยนะ?”

“เอ่อ..ใช่แล้ว”

“......”

เขาทำหน้าตาลำบากใจ

“...ก็ได้ เขียนชื่อกับรายละเอียดลงบนกระดาษนี่ซะ”

“ได้เลย”

ตอนที่ชั้นยกมือขวาขึ้นมาบนเคาน์เตอร์ ชั้นก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง

มันยังมีอึติดอยู่ อึของเมอเซเดสจัง

(ถ้าผู้ชายที่เคาน์เตอร์เห็นล่ะก็ เขาต้องเอากระดาษรับสมัครไปแน่ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ)

ชั้นรีบเอามือขวาล้วงลงไปในกระเป๋า

(นอกจากนั้น ตอนนี้กลิ่นตัวชั้นก็เหม็นมากอีกต่างหาก)

“เฮ้ มีอะไร?”

“......”

“...แล้วแกจะไม่เหม็นไปหน่อยรึไง? กลิ่นนั่นมันมาจากตัวแกใช่มั้ย?”

เขาจ้องมาที่ชั้น

(โอ๊ะ โอ)

แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของชั้น

ชั้นอ่านตัวอักษรที่ใช้ไม่ออก แน่นอนเลยว่าชั้นก็เขียนมันไม่ได้เช่นกัน

“ขอโทษทีนะ ชั้นอ่านกับเขียนไม่ได้น่ะ”

“เอ๋? ถ้างั้นก็แค่พูดมันออกมาสิ เดี๋ยวชั้นเขียนให้เอง”

“ขอบคุณ”

ชั้นหนีออกจากปัญหาที่น่าตกใจได้อย่างง่ายดาย

ชั้นบอกเขาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว และเขาก็เขียนลงไป เขาบ่นกับเรื่องกลิ่นตัวของชั้นออกมาเป็นระยะๆ

“ชื่อ?”

“ทานากะ...โยชิโอะ ทานากะ”

“ที่อยู่?”

“ที่นี่”

“อายุ?”

“36”

“คลาส?”

“อืม… คลาส 3A”

“หือ? ไม่เคยได้ยินคลาสแบบนั้นเลยนะ”

“อ่า…”

(คลาสอะไรฟะ?)

“โอ๊ะ ช่างมันเถอะ แกมีความสามารถพิเศษอะไรรึเปล่า?”

ชัดเจนเลยว่าชายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ไม่อยากคุยกับคนสกปรกแบบชั้น ถ้าชั้นอยู่ในสถานะเดียวกับเขาชั้นก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน

(ชั้นควรจะรีบทำให้มันเสร็จๆไป ข้อมูลที่ชั้นให้ยังไงมันไม่สำคัญจริงๆอยู่แล้วนี่ ใช่มั้ยล่ะ?)

“อืม..ชั้นเก่งเรื่องคอมฯน่ะ”

“คอมฯ???”

“ใช่แล้ว”

“เอางั้นก็ได้ คอมฯสินะ”

ชั้นเห็นว่าเขาเพิ่งจัดการกับช่องว่างช่องสุดท้ายบนกระดาษ ด้วยสิ่งนั้น การลงทะเบียนก็เป็นอันเสร็จสิ้น

“นี่ป้ายกิลด์ของแก”

“ขอบคุณ”

ชั้นได้รับแผ่นเหล็กที่มีขนาดประมาณการ์ดใบนึง

“อย่าทำมันหายล่ะ”

“ได้เลย”

“จะไปล่าก๊อบลินในป่าก็ได้ ถ้าแกทำไม่ได้ ก็ไปเก็บสมุนไพรแทน ทางกิลด์จะจ่ายให้สำหรับพวกมันทั้งคู่ แกอยู่แรงค์ F ดังนั้นนั่นเป็นงานที่แกสามารถทำได้”

“ชั้นเข้าใจแล้ว”

“ลาก่อน”

ดูเหมือนชั้นจะเสร็จเรื่องกับที่นี่แล้วล่ะนะ เพราะงั้นไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่อีก ชั้นมุ่งหน้าออกไปหาพวกก๊อบลินกับสมุนไพร

◇◆◇

ชั้นออกมาจากเมืองได้อย่างไม่มีปัญหา ตอนที่ชั้นกลัวเข้าไป ชั้นก็จะผ่านไปได้ถ้าชั้นโชว์ป้ายกิลด์ขึ้นมา

หลังจากนั้น ชั้นเดินมาได้สักพัก ชั้นมุ่งหน้าไปยังที่ที่ดูมีต้นไม้หนาๆ ที่ชั้นเห็น ไม่นานนักชั้นก็มาถึง

“มันเป็นป่าสินะ”

ชั้นมาถึงป่าแล้ว! ป่าล่ะ!

อึที่ยังอยู่บนมือขวาของชั้น กับเสื้อผ้าชุดเดียวที่ชั้นใส่ตอนอยู่ในคุก

(งั้นชั้นคงต้องหาสมุนไพรเอาสินะ)

(แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าชั้นเอาอึไปติดมันล่ะก็ คงแย่แน่ๆ)

(ชั้นควรจะล้างมือในแม่น้ำหรืออะไรแบบนั้นซะก่อน)

ชั้นเองก็หิวน้ำมาก และอยากจะซักเสื้อผ้าตัวเองด้วย ชั้นยังมีเลือดติดอยู่บนเสื้อจากการที่ถูกไอพวกนักเลงนั่นรุมกระทืบ

ดังนั้น ชั้นจึงมุ่งหน้าเข้าไปในป่า ใบไม้ส่งเสียงออกมาใต้เท้าทุกก้าวที่ชั้นเดินไป

ชั้นเดินต่อไป แต่ชั้นไม่เห็นแม่น้ำเลยสักนิด เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ง่ายเลยที่จะหาเจอสักที่นึง

หลังจากที่เดินไปได้ประมาณชั่วโมงนึง ชั้นก็หลงทาง

“นี่มันยากชะมัดเลยแฮะ”

กี่ปีมาแล้วกันนะที่ชั้นเดินในที่ที่ไม่มียางมะตอยราด? มันน่าจะประมาณ 10 กว่าปีได้ ตั้งแต่ที่ชั้นเดินออกมาจากบ้านมากกว่าชั่วโมงน่ะ

(ชั้นจะทำยังไงดี?)

ชั้นไม่รู้ทางกลับเมืองอีกต่อไปแล้ว

เวทย์ฟื้นฟูของชั้นสามารถอาการเจ็บที่ขาได้ แต่ชั้นก็ยังหิวน้ำอยู่ดี ชั้นสงสัยว่าเวทย์ฟื้นฟูนี่ก็คงจัดการกับความหิวไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ยิ่งกว่าพวกก๊อบลินหรือสมุนไพร ชั้นต้องการน้ำดื่ม อาหาร และเส้นทางกลับไปยังเมือง

“เฮ้!! สวัสดี!!”

ชั้นตะโกนออกมาพร้อมกับเดินต่อไปอย่างหดหู่ หลังจากที่ชั้นตะโกนออกไป ชั้นก็เห็นบางอย่างคล้ายๆก๊อบลินอยู่ข้างหน้า

“นั่นมัน”

“...มนุษย์งั้นหรอ?...”

ก๊อบลินนั่นก็สังเกตุเห็นชั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้โจมตีเข้ามา ชั้นเห็นว่าขากับเท้าของมันถูกตัดออกไป นั่นคงเป็นเหตุผล

“นั่นดูเจ็บมากเลยนะเนี่ย”

“คุ...นี่ คึง ที่ที่ฉานตะตายงั้นหรอ?”  [ก๊อบลินพูดแบบคาตาคานะ]

มันถือดาบอยู่ในมือ แต่เข่าของมันก็สั่นไปมา เลือดไหลนองอยู่ตรงเท้า มันน่าจะหนีจากการถูกโจมตีมา แต่ใกล้ตายจากการเสีบเลือด และดูเหมือนว่าตอนนี้แม้แต่ชั้นก็ใช้เพียงแค่กิ่งไม้จัดการมันได้

แต่มันคงทำชั้นรู้สึกไม่ดีน่ะสิ

“เฮ้ ก๊อบลิน มาทำข้อตกลงกัน”

“ข้..อ..ตก..ล..ง..?”

“ชั้นจะรักษาแผลให้ นายก็พาชั้นไปที่แม่น้ำ”

“อะ..อะไร..นะ..”

“ไม่ดีงั้นหรอ?”

“......”

เจ้าก็อบลินที่บาดเจ็บดูเหมือนกำลังคิดอยู่ ดูจากบาดแผลแล้วเนี่ย มันคงอยู่ได้อีกไม่นาน

“ด้าย ตกลง….”

มันพยักหน้า

(เลือกได้ดี ก๊อบลิน)

“แค่จำคำสัญญาของนายไว้ก็แล้วกัน”

ชั้นยังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นล่าสุด ที่อัศวินศักดิ์สิทธ์ทำกับชั้น

(เอ๊ะ คงไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ย? อีกอย่าง การถูกเอาดาบฆ่าเนี่ยคงไม่แย่ไปกว่าการหิวน้ำตายหรอก)

“เอาล่ะนะ…”

ชั้นคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูบาดแผลที่เห็น และพวกมันก็เริ่มสมานเข้าด้วยกันตรงหน้าชั้น เวทย์ฟื้นฟูใช้กับก๊อบลินได้เช่นกัน ชั้นไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วมันชื่อเวทย์อะไร แต่มันก็ค่อนข้างน่าประทับใจอยู่นะ

“...รากสา..?”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น”

ชั้นหยุดเพ่งการรักษาไปที่ก๊อบลิน

“นี่มัง...เวทย์ฝืนฟู?”

“เอาล่ะ ทีนี้ พาชั้นไปที่แม่น้ำที”

“..ด้ายย”

หลังเดินตามก๊อบลินไปสักพัก ชั้นก็มาถึงแม่น้ำ

◇◆◇

ในที่สุดชั้นก็ได้ล้างอึออกจากมือขวาที่ติดมาเป็นชั่วโมง

“อ่าา ลาก่อนเจ้ากลิ่นเน่าๆ”

ขณะที่ชั้นอยู่ที่นั่น ชั้นก็ซักเสื้อกับกางเกงไปด้วยเช่นกัน โดยที่ไม่มีคราบเลือดกับดินเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้า มันก็ดูน่าใส่มากขึ้นไม่มากก็น้อยล่ะนะ ถึงการใส่เสื้อผ้าเปียกๆ มันจะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ชั้นก็ทำอะไรกับมันมากไม่ได้ล่ะนะ

“ขอบคุณนะ ก๊อบลิน นายช่วยชั้นไว้จริงๆ”

“...แค่...ตอบ...แทง..บุน..คูน”

“ยังไงก็ตาม มีมนุษย์อาศัยอยู่แถวแม่น้ำนี่รึเปล่า?”

“น่าจะ..มี..มานุด..หยู่”

“เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นชั้นน่าจะกลับได้อย่างปลอดภัยล่ะนะ”

หลังเสร็จจากการทำความสะอาดตัว ชั้นก็เริ่มคิดหาทางเอาตัวรอดในโลกนี้

“...มานุด..กามลัง..มา..ทำ..อาไร?”

“เอ๋? ชั้นน่ะหรอ?”

“ช่ายย”

แน่นอนว่าก๊อบลินกำลังคุยอยู่กับชายหน้าตาอัปลักษณ์ที่กำลังคุกเข่าใช้มือกวักน้ำขึ้นมาดื่มอยู่

“ตอนที่กำลังมองหาสมุนไพร ชั้นก็หลงทางน่ะ”

“สมุงไพร? ย่า?”

“มันเป็นหญ้าที่พอบดแล้วเอาแปะบนแผลมันจะเจ็บน้อยลงน่ะ”

“...ข้าว จาย แล้ว”

“มีของแบบนั้นโตอยู่ใกล้ๆนี่รึเปล่า?”

“ช่าย มีหยู่”

“เอ๋? จริงหรอ? ที่ไหนล่ะ?”

“รอ...แปบ..นืง”

“อ่า แป๊ปนึงงั้นหรอ นายจะไปไหนกัน?”

ตอนที่ชั้นพูดออกไป ก๊อบลินก็เดินออกไปที่ไหนสักที่แล้ว

อย่างที่มันบอกไว้ ชั้นรออยู่ครู่นึง โชคดีมากเลยที่อากาศมันอุ่น สภาพอากาศมันคล้ายกับญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน ดังนั้นชั้นจึงไม่หนาวมากจากการที่เสื้อกับกางเกงเปียก ชั้นรู้สึกอุ่นขึ้นตอนที่เดินไปรอบๆ เพราะงั้นที่จริงมันดีมากเลย

“อ่าา”

ชั้นเบื่ออย่างรวดเร็ว

ไม่กี่นาทีต่อมา ก๊อบลินก็กลับมา

“…นี่”

มันถือหญ้าอยู่ในมือหลายต้น

“พวกนั้นคือสมุนไพรงั้นหรอ?”

“น่าจ่า.. บด..แปะ..ฝืนฟู...เลวมาก”

“เข้าใจล่ะ มันมีรูปร่างดูประหลาดนะเนี่ย”

ใบของมันเหมือนกับใบโคลเวอร์ 4 แฉก แต่มันมี 8 ใบ ใบโคลเวอร์ 8 แฉก

“...หนี้...ของ..ขวานน”

“อ๊ะ ให้ชั้นหรอ?”

“ช่ายย”

“ขอบคุณนะ!”

“พ้อ..นาย..ช่วย.ฉาน”

“นายนี่เป็นก๊อบลินที่เป็นมิตรซะจริง”

“ก๊อบ..ลีน..ม่ายดี….ม่ายเลว”

“อ่า ไม่ดีแล้วก็ไม่เลว เข้าใจล่ะ มนุษย์ก็เหมือนกัน ขอบใจนะ”

“ม่ายย...เปง..ราย”

(ได้เรียนรู้อะไรแล้วสิ)

ชั้นได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับก๊อบลิน และยังได้รู้ว่าสมุนไพรหน้าตาเป็นยังไง แถมยังได้มาอีกนิดหน่อย ชั้นรับมันมาและเก็บลงในกระเป๋ากางเกง โชคดีที่ชั้นใส่กางเกงคาร์โก้มา ชั้นเอาพวกมันใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวังไม่ให้มันเสียหาย

“นายช่วยชั้นไว้จริงๆ”

“ฉานน..จะ..ปายย..แล้ว”

“ขอบคุณนะ ลาก่อน!”

“ลา...ก่อย”

ชั้นโบกมือให้ก๊อบลิน และมันก็โบกมือกลับมา

(นายเป็นคนดีนะ ก๊อบลินซัง ชั้นไม่รู้ว่าหรอกนะก๊อบลินทั้งหมดจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า หรือเป็นแค่เขา แต่ก๊อบลินที่ชั้นพบนี่ค่อนข้างเป็นมิตรเลย)

(น่าจะดีกว่าถ้าชั้นไม่ทำภารกิจล่าก๊อบลิน ชั้นควรจะอยู่กับการเก็บสมุนไพรพวกนี้แทน)

Atelier Tanaka ตอนที่ 1 : ถูกขัง

ตามที่ชั้นถูกส่งมาเกิดใหม่ ชั้นตกลงมาในแม่น้ำ และทำให้หน้ากระแทกเข้าไปเต็มๆ ชั้นไม่รู้ว่าทำไมต้องตกลงมาด้วย แต่จมูกชั้นมัน เจ็บมากกกกกก!

ตอนชั้นลุกขึ้นมีทรายติดเต็มตัวไปหมด เลยใช้นิ้วปัดมันออก พอชั้นฟื้นตัวเสร็จ ชั้นก็เริ่มนึกถึงสัญญาที่ทำไว้กับพระเจ้า ในเวลานั้นเอง ชั้นก็เห็นใบหน้าตัวเองที่สะท้อนออกมาจากผิวน้ำ

"เอ๋......"

น่าเกลียดสุดๆไปเลย

"โฮ่ หน้าตาน่าเกลียดจริงๆแฮะ"

ชั้นมีใบหน้าเชยๆ ของชายวัยกลางคน

(การจะหาแฟนนี่เป็นไปไม่ได้เลยนะเนี่ย นี่มันต้องเป็นชีวิตในโหมด "โคตรยาก" แน่ๆ)

สงสัยจังนะว่าสถานะของชั้นจะเป็นยังไง

ชื่อ : ทานากะ
เพศ : ชาย
เผ่า : มนุษย์
เลเวล : 1
อาชีพ : ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

HP:9/9
MP:87500000/87500000
STR:3
VIT:2
DEX:6
AGI:1
INT:5402000
LUC:1


MP ชั้นสูงมาก ชั้นคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเวทย์ฟื้นฟูของชั้น

"ชั้นมีสกิลอะไรบ้าง?"

ติดตัว:  การฟื้นฟูมานา : Lv .Max
            ความชำนาญเวทย์ : Lv .Max

ใช้งาน : เวทย์ฟื้นฟู : Lv .Max

ตรงตามที่ชั้นขอเป๊ะๆ ถ้าได้หน้าตาดีกว่านี้ก็คงไม่มีอะไรจะบ่นแล้ว

"เฮ้ออ...."

ชั้นถอนหายใจที่ริมแม่น้ำ หลังจากถอนหายใจนิดหน่อย ชั้นก็เริ่มออกเดิน

ชั้นอยู่ในป่า แต่ที่ไหนกัน? ชั้นพยายามเดินไปตามแม่น้ำ แล้วก็เจอบางอย่างที่ดูเหมือนถนน

มันเป็นถนนลูกรังกว้างประมาณ 10 เมตร มีป่าล้อมอยู่ทั้งสองข้าง ชั้นเคยเห็นแต่ถนนลาดยางมะตอย
เพราะงั้นถนนลูกรังแบบนี้สำหรับชั้นมันดูแฟนตาซีมากเลย

"อ๊ะ นั่นมันรถม้านี่ รถม้ากำลังมาทางนี้"

มันเป็นรถม้าในแบบแฟนตาซียุคกลาง เทียมม้า 2 ตัว หรือก็คือ 2 แรงม้านั่นล่ะ

"เฮ้! เฮ้"

ชั้นพยายามโบกมือ แต่มันก็ผ่านไป เมินชั้นอย่างสิ้นเชิง

"..."

มันค่อยๆลดความเร็วลง ในขณะที่ทำเสียง 'คลึ่ก คลึ่ก' ชั้นยืนอยู่ตรงนั้นพักนึง แต่ดูเหมือนมันไม่ได้กำลังจะหยุดเลยแม้แต่น้อย ที่จริงมันช้าลงขณะที่มันยังวิ่งต่อไป

การโบกรถ : ล้มเหลว 

"เดาว่าคงต้องเดินไปสินะ..."

ชั้นเดินตามหลังรถม้าไป รถม้าคันอื่นๆที่ชั้นหวังให้จอดก็วิ่งผ่านชั้นไปอย่างรวดเร็ว


◇◆◇

หลังจากที่เดินมาเป็นชั่วโมง ชั้นก็พบเมือง

มันค่อนข้างใหญ่ และล้อมรอบไปด้วยกำแพง มันให้ความรู้สึกเป็นเมืองป้อมปราการแบบแฟนตาซีจริงๆ อย่างน้อยถ้ามองจากระยะนี้ มันก็มีขนาดใหญ่กว่าดิสนีย์แลนด์ซะอีก

ชั้นหยุดอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง กับทหารที่คอยตรวจสอบ

"โชว์บัตรผ่านซิ"

"ชั้นไม่มี"

"ถ้างั้นก็ 10 เหรียญทองแดง สำหรับ 10 วัน หรือ 1 เหรียญเงิน สำหรับ 100 วัน เลือกเอา"

"......"

เห็นได้ชัดว่าค่าเข้าเมืองเป็นสิ่งจำเป็น และชั้นเองก็ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่น้อย

"มีอะไรงั้นรึ?"

"มีหลายเรื่องเลย ที่จริง..."

(ชั้นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?)

"หลายเรื่องงั้นรึ หืม?"

"โทษที ช่างมันเถอะ"

"...เอ๋?"

ชั้นหันหลังกลับ

จังหวะนั้นเอง ทหารก็ไล่ตามชั้นมา

"เฮ้ หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ เจ้าคนน่าสงสัย!"

"อั่ก!"

บ้าเอ้ย หมอนั่นพยายามจะจับชั้น ชั้นวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว แต่มันดันไล่ทัน ทหารที่น้ำหนักเพิ่มจากการใส่เกราะที่ส่งเสียงดังนั่น พุ่งเข้าจับตัวคนญี่ปุ่นที่ใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์เนี่ยนะ

"ฮะ..ฮ่า"

และชั้นก็ถูกจับตัว

"ได้ตัวล่ะ!"

"อ่อก...แย่ชะมัด"

และชั้นก็ถูกโยนตัวไป

ทหารลากตัวชั้นกลับไปที่ด่านตรวจ ชั้นถูกมัด ลากไปรอบๆ แล้วก็ถูกเอาไปขัง

และเพราะอย่างนั้น ชั้นก็เข้ามาในเมืองแบบที่ชั้นไม่ได้หวังเอาไว้


◇◆◇


3 วันผ่านไปที่ชั้นถูกขังอยู่ในคุก พวกนั้นให้ทั้งอาหารและน้ำกับชั้น อย่างน้อย ชั้นก็จะไม่หิวตาย

มันมีห้องส้วมที่น้ำไหลผ่านอยู่ตรงมุมห้องเป็นระยะๆ และบนพื้นก็ยังมีเตียงที่ทำจากฟาง มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ สำหรับฟางน่ะนะ

"เบื่อชะมัด..."

มันไม่มีอะไรให้ทำ เวลาว่างคือสิ่งเดียวที่ชั้นมี และชั้นก็มีมันเยอะมากเลยด้วย

"เธอก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ใช่มั้ยล่ะ?"

ชั้นพยายามจะชวนคุยหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับเลย

ในห้องขังนี้มีคนอยู่แค่สองคน หนึ่งในนั้นคือชั้น ส่วนอีกคนมีอายุราวๆ 17 ปี เธอมีผิวขาว ใบหน้าที่เต็มไปอารมณ์อันลึกล้ำ ผมบลอนด์ยาวลงไปถึงเอว ดวงตาสีฟ้า สวยในแบบตะวันตก

และเธอก็มี 'หน่มน๊ม' ที่ใหญ่มากด้วย 'งดงาม' เป็นคำที่ใช้อธิบายตัวเธอได้ดีที่สุด ด้วยตัวเธอที่สวมแค่เสื้อบางๆ มันก็ดูเซ็กซี่สุดๆแล้ว ชั้นอยากจะมีลูกกับเธอจังเลย

"อืมม อย่างน้อยเธอช่วยตอบชั้นหน่อยสิ"

"แกมันน่ารำคาญ หุบปากไปซะ!"

"ครับผม..."

ชั้นถูกโกรธล่ะ

เราอยู่ในห้องขังเดียวกัน แต่เธอห่างเหินชะมัด เธอเอาแต่หันเข้าหากำแพง เหมือนว่านั่นจะไกลที่สุดเท่าที่เธอจะได้แล้ว

"เธอจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำสินะ? อดกลั้นไว้มันไม่ดีนะ รู้มั้ย?"

"มะ...ไม่จำเป็น! หยุดกวนชั้นเดี๋ยวนี้นะ เจ้าคนชั่ว"

"เธอเองก็ถูกขังอยู่เหมือนกันนะ รู้มั้ย?"

"อย่านับชั้นเป็นคนแบบเดียวกับแกเชียวนะ!"

...

ขนาดตอนอึยังสวยเลยแฮะ

ชั้นไม่รู้ว่าพวกยามคิดอะไรอยู่ถึงได้เอาผู้ชายกับผู้หญิงมาขังรวมไว้ในห้องเดียวกัน ชั้นก็ดีใจนะ แต่ว่าได้แค่มองแต่ทำอะไรไม่ได้เนี่ยมันเจ็บปวดนะเฟ้ย เจ้าลูกชายของชั้นมันอัดอั้นจากการที่อยู่ห้องเดียวกันกับเธอมานานแล้วนะ

"อย่างน้อยเราคุยกันแบบปกติ ไม่ได้หรือไง??"

"แกอยากคุยอยู่คนเดียวต่างหาก เพราะงั้นแกก็คุยกับตัวเองไปซะ"

"การคุยกันนี่มันทำให้อยู่ในคุกง่ายขึ้นนิดหน่อยนะ รู้มั้ย"

"หุบปากซะ แล้วก็หยุดจ้องชั้นซะที มันน่าขยะแขยง"

(เธอมองมาที่ชั้นอย่างกับว่าชั้นเป็นอาชญากรอันตรายเลย)

ลองมาคิดๆดูแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะทำตัวปกติกับคนหน้าตาแบบชั้นที่เจอกันในคุกได้หรอก ถ้าชั้นเป็นผู้หญิงแล้วตกอยู่ในสถานการณ์แบบเธอล่ะก็ ชั้นก็คงทำอย่างเดียวกัน ชั้นรู้สึกแย่เกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะงั้นชั้นก็เลยตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ

แต่สงสัยจังว่าค่าสถานะเธอเป็นแบบไหน

ชื่อ : อันเน่โรส ลีปแมน
เพศ : หญิง
เผ่า : มนุษย์
เลเวล : 36
อาชีพ : อัศวินศักดิ์สิทธิ์

HP:253/850
MP:175/750
STR:300
VIT:158
DEX:321
AGI:233
INT:540
LUC:91

(ว้าว! เลเวล 36 ถ้าเป็นเกม RPG ละก็เธอคงเป็นนักผจญภัยระดับกลางเลยสินะ)

(แต่ ไม่สิ ในพวกเกมส์ออนไลน์ใหม่ เลเวลมันสูงขึ้นไปมาก บางทีเธออาจจะอยู่ในพวกที่เพิ่งเริ่มเล่น)

(อีกอย่าง "อัศวินศักดิ์สิทธิ์" นี่มันเท่ชะมัด ชั้นเองก็อยากเป็นอะไรแบบนั้นเหมือนกันนะ)

"...."

(ทำให้ชั้นนึกขึ้นได้แฮะ นี่ชั้นจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนเนี่ย?)

ถ้ามันจะกลายเป็นแบบนี้นะ ชั้นน่าจะของเวทย์โจมตี แทนเวทย์ฟื้นฟู ถ้าทำแบบนั้นชั้นคงไม่ต้องมาติดอยู่ที่นี่แล้วเนี่ย

ในสถานการณ์แบบนี้ชั้นทำอะไรไม่ได้เลย

(มีเวทย์ฟื้นฟูระดับสุดยอด ในนี้มันจะช่วยอะไรชั้นได้เนี่ย? ชั้นน่าจะมีสกิลโกงมากกว่านี้สิ)

(จริงๆแล้วไอสกิลนี่มันโกงตรงไหนกัน?)

ระหว่างที่ชั้นนั่งแกร่วอยู่มุมห้อง ชั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนจากนอกห้องขัง ดูเหมือนเป็นเสียงผู้ชาย 2 คนคุยกันอยู่

"รีบๆไปเอาพวกมันมาซะ เตรียมการประหารเสร็จแล้ว"

"อ๊ะ ครับผม!"

นั่นฟังดูอันตรายอยู่นะ

(พวกนั้นคงไม่ได้พูดถึงชั้นหรอก...ใช่มั้ย?)

เสียงสะท้อนของฝีเท้าทำให้ชั้นรู้สึกกังวลนิดหน่อย จากนั้นเสียงนั่นก็หยุดตรงหน้าห้องขังของชั้น ผู้คุมเอากุญแจออกมาจากกระเป๋า และไขประตู ประตูเปิดออกมาด้วยเสียงสนิมแห้งๆ

"ได้เวลาไปแล้ว แม่คนสวย"

"ชิ"

(ฟู่วว มันไม่ใช่ชั้น เพื่อนร่วมห้องขังชั้นต่างหาก)

เมื่อมองไปที่เธอ เธอกำลังกัดริมฝีปากล่างอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าสถานการณ์มันจะเป็นยังไง

"เร็วเข้า"

ผู้คุมเข้ามาในห้องขัง ดูเหมือนเขาจะต้องออกแรงบังคับเธอไปถ้าจำเป็น

"หุบปาก ชั้นจะไม่ให้อภัยแกแน่ๆ"

"มาเร็วๆเข้า"

ผู้คุมจับแขนและดึงเธอขึ้น

เห็นได้ชัดว่านี่คือวันตายของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวน้อยน่ารักที่อายุน้อยกว่า 20 ก็ตาม

"...."

ชั้นเริ่มเป็นกังวลเรื่องเธอ ชั้นตั้งสติอย่างรวดเร็ว

(ชั้นอยู่กับเธอมาตั้ง 3 วัน 3 คืน ชั้นน่าจะทำอะไรบางอย่างได้ และถ้าไม่ลงมือตอนนี้ล่ะก็ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ชั้นถึงจะได้ออกไป)

ขณะนั้นเอง ประตูห้องขังก็เปิดกว้างออก

"อืมม ผู้คุมครับ?"

"แกหุบปากไปเลย!"

"หวาาา!"

จากการแกล้งทำเป็นกลัว ชั้นก็ถอยกลับไปตรงหลุมตื้นๆที่มุมห้อง ตรงนั้นมันมีอึของสาวน้อยคนนั้นที่เพิ่งปล่อยเมื่อชั่วโมงก่อนและก็ยังไม่ได้ล้างออกอยู่ ชั้นใช้มือข้างหนึ่งหยิบมันขึ้นมา แล้วก็ซ่อนไว้ข้างหลัง

"เร็วเข้าสิฟะ!"

"อย่ามาแตะชั้นนะ!"

"เงียบซะ! เจ้าคนทรยศ"

ขณะที่ผู้คุมสนใจแต่เธอ

"อืม ผู้คุมครับ..."

"ชั้นบอกให้แกหุบปาก!"

ทันใดนั้นเอง ชั้นก็ทุบหน้ามันด้วยอึที่อยู่ในมือข้างขวาของชั้น

"อ้ากก! ตาชั้น! กลิ่นนี้มัน!?"

จมูกของเขาบิดเบี้ยวไปเพราะกลิ่นของมัน และยังมีอึบางส่วนเข้าไปในลูกตาเขาอีก เขาโก่งตัวด้วยความทรมาน น่าจะเป็นเพราะมันมีเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล ติดเข้าไปด้วยแน่ๆ

ปรบมือสามครั้งให้กับสุดยอดอึของสาวงาม!!

ขณะที่เขากำลังทุรนทุราย ชั้นก็ชักดาบของเขาออกมา และแทงเข้าไปที่ท้อง ทะลุชุดเกราะที่เขาใส่อยู่

"อ้ากกกก!"

ผู้คุมร้องออกมาเสียงดัง

"เยี่ยม!"

(ที่นี้เราก็แค่หนี แต่มันคงไม่ง่ายแน่)

ตอนที่ชั้นกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นชั้นก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าชั้นถูกเติมเต็มไปด้วยพลัง หรือว่ากินคาเฟอีนมาเยอะสุดๆ ชั้นเลเวลอัพขึ้นมาจากการที่ฆ่าผู้คุม

ชื่อ : ทานากะ
เพศ : ชาย
เผ่า : มนุษย์
เลเวล : 3
อาชีพ : ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

HP:209/209
MP:90500000/90500000
STR:30
VIT:20
DEX:31
AGI:29
INT:5702000
LUC:12

(ว้าว! เพิ่มมาตั้ง 2 เลเวล)

ชั้นดีใจที่ในที่สุด HP ชั้นก็เพิ่มขึ้นสักที อย่างที่คิดไว้ มี HP แค่ 9 นี่มันคงไม่ดีแน่ๆ

"เฮ้!... เจ้าคนชั่ว นี่แกทำอะไรลงไป!"

เธอตะโกนใส่ชั้น

(เฮ้ ในเวลาแบบนี้ มันสำคัญมากเลยนะที่ควรจะใจเย็นๆไว้น่ะ แม่คุณ)

"อย่างน้อยเธอช่วยร่วมมือกันหนีหน่อยได้มั้ย?"

หลังที่ลังเลนิดหน่อย เธอก็พยักหน้าลงเล็กน้อย

"ชั้นเข้าใจแล้ว"

"เอาล่ะ ถ้างั้นก็..."

"แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ส่งดาบนั่นมาซะ"

(แลกเปลี่ยนอะไรฟ่ะ? ร่วมมือกันงั้นหรอ? เข้าใจแล้วล่ะ)

"ก็ได้"

ชั้นส่งดาบให้เธอ

"จากตรงนี้ ชั้นจะรับมือเอง แกแค่ตามชั้นมาก็พอ"

"ครับ ครับ"

"นะ...นี่มันอึใช่มั้ยที่อยู่บนดาบน่ะ!?"

"นั่นอึเธอเองน้าา.."

"หะ..หุบปากซะ! แล้วไปกันได้แล้ว!"

อย่างที่เธอบอกไว้ รูปแบบต่อสู้ของเราก็คือ ให้สาวสวยนำหน้าและมีผู้ชายหน้าตาน่าเกลียดอยู่ข้างหลัง

ทหารที่ได้ยินเสียงร้องมุ่งหน้าเข้ามา แต่เธอพุ่งเข้าปะทะอย่างไม่เกรงกลัว ทะลุผ่านทหารที่ขวางทางและเตะพวกนั้นกระเด็นไปไกล

ดังนั้น เราจึงแหกคุกออกมาได้สำเร็จ

---

คุกคุมขังมันอยู่ข้างๆปราสาท เราทั้งคู่จึงวิ่งออกมาจากปราสาท มุ่งหน้าเข้าไปในเมือง เราวิ่งซิกแซกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทหารไม่สามารถไล่ตามเรามาได้

จากนั้นเราก็วิ่งมาข้างหลังตรอกมืดๆแห่งหนึ่ง เธอหยุดวิ่งแล้วก็หันกลับมา มองมาที่ชั้นด้วยความประหลาดใจ ลมหายใจของชั้นเริ่มขาดช่วง ชั้นจึงรู้สึกโล่งที่เธอหยุดสักที

(นี่เรามาถึงจุดปลอดภัยที่จะหยุดแล้วใช่มั้ย?)

ไม่สิ นั่นไม่น่าใช่เหตุผลที่เธอหยุด เธอชี้ดาบมาตรงหน้าชั้น

"ทำตามที่ชั้นสั่งซะ เดี๋ยวนี้!"

"เอ๋?"

"แกเป็นอาชญากร แกคิดว่าชั้นจะมองข้ามเรื่องที่แกแหกคุกงั้นหรอ?"

"ไม่ใช่นะ อุก ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย"

"ตอนนี้ ชั้นจะจับแกไปขังเอง"

"อืม..แต่เธอก็ถูกขังเหมือนกันนะ"

"อย่าเอาชั้นไปรวมกับขยะอย่างแกนะ!"

"เอาจริง....ดิ?"

ถึงพระเจ้าจะให้สุดยอดเวทย์ฟื้นฟูมาก็เถอะ ไม่มีทางที่ชั้นจะฟื้นฟูตัวเองได้แน่ถ้าเกิดตายขึ้นมาน่ะ

เธอเอาเชือกออกจากกระเป๋าที่เธอแบกมาด้วย และก็จบลงที่ชั้นถูกมัดอยู่บนพื้นที่ปูด้วยหินเย็นๆ

(เธอเอาเชือกมาตอนไหนเนี่ย?)

เธอมัดแขนชั้นไว้ข้างหลัง แล้วก็เอาเชือกไปมัดไว้กับหน้าต่าง ชั้นรู้สึกเหมือนสุนัขที่ถูกล่ามไว้เลยแฮะ

"ทีนี้แกก็จงถูกจับไปขังคุกอีกรอบซะ!"

"....เอาจริงดิ? ไม่เอาน่า..."

"ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ นี่เป็นบริการฟรีสำหรับคนชั่วอย่างแกยังไงล่ะ"

แล้วเธอก็วิ่งออกไป โดยทิ้งชั้นเอาไว้

----

ชั้นถูกทิ้งไว้ตรงข้างหลังตรอกคนเดียว ในที่สุด ชั้นก็ยืนขึ้นมาได้

(ชั้นต้องหาทางหลุดออกจากที่นี่ให้ได้)

ชั้นแก้มัดเชือกไม่ได้เลย เธอมัดชั้นแน่นมาก และเธอก็ใช้ไม้มัดร่วมกับเชือกอีกด้วย

(เห็นได้ชัดเลยว่าสาวน้อยคนนี้เชี่ยวชาญเรื่องการมัดคนมากเลยทีเดียว)

---

"...จบกัน"

ชั้นว่าชั้นต้องหิวตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ ถูกมัดไว้อย่างนี้ ชั้นอยู่อย่างนี้นานจนกระทั่งกางเกงเปียกจากการที่ชั้นฉี่ราด

(ใครจะมาช่วยคนอัปลักษณ์อย่างชั้นกัน?)

"อุก...นี่มันเจ็บโคตรเลยแฮะ"

(ชั้นยังไม่อยากตาย ไม่ใช่ที่นี่!)

ขณะที่ชั้นกำลังคิดอย่างนั้น ชั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคน ชั้นหันไปทางเสียงนั้น และเห็นชายหนุ่มที่ดูท่าทางเหลวไหลหลายคน

"เฮ้ย ข้าเจออะไรประหลาดๆด้วยฟ่ะ"

"อ๊ะ?"

ชั้นถูกพบเข้า พวกนั้นล้อมรอบตัวชั้นเป็นวงกลม

"อ่า..ขอโทษนะครับ ช่วยทำอะไรสักอย่างกับเชือกนี่ให้หน่อยได้มั้ย?"

ชั้นสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ และได้รับบาทามาเต็มหน้าแทนคำตอบ

"อ่อกก"

"เจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย? น่าขยะแขยงชะมัด"

"จัดการมันเลยเถอะ"

"ช่ายย"

"เจ้านี่มันแค่ขอทาน ไม่มีปัญหาหรอกถ้ามันตายน่ะ"

"ไม่นะ"

"ใช้มันคลายเครียดได้นะเนี่ย"

"จัดการมันเลย กระทืบมันซะ"

(ไอ้พวกนี้อันตรายมาก!)

จากนั้น เจ้าพวกนี้ก็รุมกระทืบชั้น แต่พวกมันก็รุมกระทืบแค่แป๊ปเดียว นิสัยดีกันซะจริง

ชั้นบาดเจ็บมากจากการที่พวกมันรุมกระทืบแล้วก็จากไป ไม่รู้ว่ายังไง แต่พวกมันก็ทำเชือกที่มัดชั้นไว้กับไม้หลุดออกตอนที่พวกมันกระทืบชั้น พูดอีกนัยนึง คือชั้นเกือบตาย

ชื่อ : ทานากะ
เพศ : ชาย
เผ่า : มนุษย์
เลเวล : 3
อาชีพ : ไม่มีอะไรพิเศษ



HP:1/209
MP:90500000/90500000
STR:30
VIT:20
DEX:31
AGI:29
INT:5702000
LUC:12

HP ของชั้นต่ำจนถึงขีดอันตราย

"เวทย์ฟื้นฟู เวทย์..."

ขณะที่ชั้นกำลังคิดว่าจะใช้เวทย์ฟื้นฟูยังไง ร่างกายชั้นก็เริ่มเรืองแสง ความเจ็บปวดเริ่มหายไป และชั้นจึงลองเช็คสถานะตัวเอง

ชื่อ : ทานากะ
เพศ : ชาย
เผ่า : มนุษย์
เลเวล : 3
อาชีพ : ไม่มีอะไรพิเศษ


HP:209/209
MP:90500000/90500000
STR:30
VIT:20
DEX:31
AGI:29
INT:5702000
LUC:12

"มันได้ผล! สุดยอดไปเลย!"

MP ที่ใช้ไปตอนร่ายฟื้นฟูจนเต็มเรียบร้อย น่าจะเป็นเพราะสกิลติดตัวของชั้น "ฟื้นฟูมานา" ชั้นเกือบจะตายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะได้เวทย์ฟื้นฟูของตัวเอง

(โลกนี้อันตรายเกินไปแล้ว)

---

ชั้นหนีออกมาจากตรงนั้น อยู่ในเมืองชั้นปลอดภัย และพวกที่ไล่ตามมาก็หายไปแล้ว อาการบาดเจ็บของชั้นถูกรักษาเรียบร้อย และสุขภาพชั้นก็แข็งแรงดี เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม นอกซะจากเศษเสื้อผ้าของชั้นที่เต็มไปด้วยคราบเลือดล่ะนะ

"...ตอนนี้ชั้นดูเหมือนสุดยอดขอทานในสลัมเลยแฮะ"

ชั้นเดินไปที่ถนนหลัก และทุกๆคนรอบตัวก็หลีกทางให้ชั้น ตัวชั้นมีทั้งคราบและกลิ่นฉี่ติดอยู่บนเสื้อผ้า เห็นได้ชัดเลยว่าพวกคนที่อยู่รอบๆชั้นคิดยังไง

(ชั้นต้องการเสื้อผ้าเปลี่ยน)

ชั้นมองไปรอบๆเพื่อหาเสื้อผ้าที่ดูดีกว่านี้

"เสื้อผ้า เสื้อผ้..."

(อ๊ะ! บ้าจริง ชั้นไม่มีเงินเลยนี่นา อยากให้มีสักหน่อยจังแฮะ)

...

(ชั้นต้องหาเงิน นี่มันโลกแฟนตาซีในยุคกลางนี่ เพราะงั้นมันน่าจะกิลด์นักผจญภัยอยู่)

ดังนั้น ชั้นจึงตัดสินใจมองหากิลด์นักผจญภัย

วันจันทร์, มกราคม 30, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 14 ตาลุงกับกับการเตรียมตัวออกเดินทาง (1)

Chapter 14: ตาลุงกับการเตรียมตัวออกเดินทาง (1)


ชั้นตัดสินใจแล้ว ชั้นจะออกไปเรียนรู้วิธีการสร้างดาบ

ดังนั้นชั้นจำเป็นจะต้องเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง

ถึงแม้ชั้นจะรู้สึกผิดสำหรับผู้กล้าที่จะมาซื้ออาวุธกับชั้นในอนาคตก็เถอะ จากนี้ไป ชั้นคือพ่อค้านักเดินทาง ตาลุงไจ้เฝอ

เพื่อที่จะเป็นช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของโลก อาจารย์ใหญ่เอ๋ย จงบอกสูตรโกงมาซะดีๆ

แต่ก่อนหน้านั้น ชั้นต้องเริ่มเตรียมตัวกันก่อน

“แล้ว... เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

“หลุมยักษ์ตรงตีนภูเขาเป็นฝีมือของชั้นเอง!”

อย่างแรกเลย ชั้นต้องคุกเข่าขอโทษหัวหน้าหมู่บ้านที่ทั้งผมและหนวดเคราเป็นสีขาวไปหมดแล้ว

ในฐานะที่เป็นตาลุงแล้วมาคุกเข่าต่อหน้าสาธารณะอย่างนี้ มันไม่ใช่อะไรนอกซะจากการกระทำที่น่าอาย

แต่มันช่วยไม่ได้ แบบนี้แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดคิดแล้วคิดอีกก็ยังจะเข้าใจผิดอยู่ดี

ชั้นไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่า ดินตรงตีนภูเขากับหน้าทางเข้าร้านของชั้นมันเป็นคนละสีกัน!

ตอนเช้าของวันนี้ เสียงวุ่นวายทำชั้นตื่น

พอชั้นไปที่ประตูหน้า ชั้นก็เข้าใจทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ถ้าพื้นดินส่วนใหญ่ที่เป็นสีขาว กลายมาเป็นสีเหลืองล่ะก็ คงยากที่จะไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น

โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับชั้นมากนัก เขาเป็นคนดีจริงๆเลยแฮะ

นอกจากที่ให้ชั้นจ่ายค่าซ่อมไป 20 เหรียญเงินน่ะนะ

พอเสร็จเรื่องแล้ว ชั้นก็จะไปจัดการเรื่องที่โรงเรียนของคาโลน่าต่อ ตามที่เธอว่าไว้ มันค่อนข้างไกลจากที่นี่พอสมควร

ชั้นดูแผนที่ เทียบกับระยะทางที่โลกเก่าแล้ว น่าจะมีระยะทางเท่ากับจากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้เลยแหละ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันชั้นมีแค่เจ้าขนปุยนี่เป็นพาหนะ มันต้องเป็นการเดินทางที่ยากลำบากแน่

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ชั้นได้เห็นแผนที่

อาณาจักรของเรา โดพูนัวว่า มีรูปร่างไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้ว่าเจ้าพวกที่ปกครองจะพยายามตกแต่งให้มันสวย แต่ชั้นก็ยังรู้สึกว่ามันดูเหมือนดักแด้อยู่ดี

ถ้าชั้นเป็นพวกนักท่องเที่ยวล่ะก็ ชั้นคงจะเรียกมันว่าอาณาจักรดักแด้อย่างไม่ลังเลเลย แต่ตอนนี้ชั้นจะเรียกมันว่าสิ่งที่เชื่อมโยงกับความสุข

ชั้นไม่ได้ไม่พอใจโดพูนัวว่าไปซะทั้งหมด ทั้งสภาพที่นี่และลูกค้าค่อนข้างเป็นประโยชน์กับชั้นในฐานะคนที่ถูกส่งมาเกิดใหม่พอสมควร แต่ก็พูดไม่ได้ว่าชั้นรักมันเหมือนกัน

ในโลกเดิมชั้นมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 30 ปี ดังนั้นพวกความรักชาติที่ชั้นมีต่อประเทศในชาติก่อนเนี่ย มันเลยฝังรากลึกลงไป แต่ที่นี่มันไม่เหมือนกันเวลา 2 ปี มันยังสั้นเกินไป

ที่ที่ชั้นอยู่ หมู่บ้านเริ่มต้น (ตั้งชื่อเอาเอง) มันไม่ได้ถูกระบุตำแหน่งเอาไว้บนแผนที่ ใช้แต่ความรู้สึกกะตำแหน่งเอา การที่จะไปยังตำแหน่งของอาซาเร่ จะต้องข้ามเจ้าดักแด้นี่ไปประมาณครึ่งนึง

โดพูนัวว่าไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่มันอยู่ติดกับชายแดนที่อยู่ของเผ่าปีศาจ ดังนั้นมันจึงอยู่ในแนวหน้าเลยล่ะ

จะทิ้งเจ้าขนปุยกับอีแลนไว้ที่นี่ตามลำพังก็ไม่ได้ พวกเขาต้องไปกับชั้น

พอมาคิดถึงเรื่องนี้ ของที่ชั้นต้องซื้อมีเยอะเลยแฮะ

นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นจะออกจากหมู่บ้าน เพราะงั้นชั้นเลยไม่มีทั้งเกวียนบรรทุกของ หรืออุปกรณ์ที่พัก

ถึงแม้ชั้นจะเรียกเจ้าขนปุยเป็นพาหนะ แต่ชั้นก็ไม่คิดจะขี่มันหรอกนะ

ชั้นเอามันมาเป็นสัตว์เลี้ยง ถ้าต้องให้มันไปลากเกวียนล่ะก็ อีแลนคงไม่พอใจแน่ๆ

จะเช่าเกวียนบรรทุกของ หรือซื้อม้าสองตัวดีนะ ชั้นเจอกับการตัดสินใจที่ยุ่งยากซะแล้วสิ

จากเรื่องราคาแล้วเนี่ย มันไม่ใช่การตัดสินครั้งใหญ่นัก

ปัญหาก็คือถ้าชั้นซื้อม้าไปล่ะก็ ชั้นก็จะอดเผยความสามารถอันสุดแสนจะยอดเยี่ยมของชั้นในการสร้างเกวียนบรรทุกของน่ะสิ

พอมาคิดๆดูแล้ว ถ้าชั้นขี่ม้าที่ดูสง่างามและไปพบกับผู้หญิงแก่ๆนี่ล่ะก็....

มันคงจะดูเหมือนเจ้าชายไปรับเจ้าหญิงเลยสินะ

แค่คิดถึงตรงนี้ ท้องไส้ชั้นก็ปั่นป่วนไปหมดแล้ว

แน่นอนเลยว่าชั้นจะเช่าเกวียนบรรทุกของ

ต้องบอกเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นได้เลือกม้า

“คุณไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้งั้นสินะ?”

ตอนที่ชั้นจ้องไปที่ม้าสำหรับลากเกวียน กำลังงงๆอยู่ และบอกไม่ได้ว่าตัวไหนมันเป็นม้าชั้นดีหรือไม่ดี ก็มีเสียงอันนุ่มนวลของผู้หญิงดังมาจากข้างหลังชั้น

เธอพูดอย่างนุ่มนวล แต่การที่ชั้นไม่รู้สึกตัวเลยจนเข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้นี่มันน่ากลัวจริงๆเลยแฮะ

ชั้นหันหัวไปอย่างกับเครื่องจักร

เป็นเจ้าของร้านขายดอกไม้ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ หยาจือ

“โอ๊ะ อย่าพูดเหมือนกับว่าชั้นเก่งไปซะทุกอย่างสิ ชั้นมันก็แค่คนบ้านนอกที่เก่งแค่เรื่องทำอาวุธเท่านั้นเอง”

ชั้นยิ้มพร้อมกับหยีตาลงขณะที่พูดออกไป

“ไหน ไหน  ดูสิ ชั้นเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องม้าตัวผู้ล่ะก็ คุณน่าจะเข้าใจมันอย่างแน่นอนเลยนะ”

วินาทีต่อมา ฝ่ามือของเราก็ประสานล็อคนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน อยู่ในท่าที่เหมือนกับนักมวยปล้ำสองคนจับกันอยู่

“เธอพูดเรื่องอะไรงั้นหรอ ยัยแก่?”

“เราทั้งคู่ก็อายุพอๆกันนะตาลุง ชั้นได้ยินมาว่านายมาพบกับคุณผู้ช่วยในร้านขายดอกไม้เป็นการส่วนตัวงั้นสินะ ล่าสุดที่ชั้นเห็นคุณ คุณกำลังป่วยอยู่ ชั้นก็เลยไม่ได้ยกมันขึ้นมาพูด คุณรู้ตัวใช่มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่?”

“เอ๋? นี่เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรกัน? หลี่ชาหนาย กลายมาเป็นยัยจอมโฉดแบบเธอเร็วมากเลยนะ รอยยิ้มแบบนั้นอย่างกับมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลย”

“ฮึ่ม! ชั้นก็แค่สอนให้เธอรู้จักวิธีการตอบโต้กับการลวนลามของตาลุงวัยกลางคนเท่านั้นแหละ”

เรามักจะเถียงกันแบบนี้เป็นบางครั้ง

“ครั้งนี้ชั้นจะปล่อยไป คุณอยากจะไปไหนล่ะ? คราวนี้ชั้นจะช่วยคุณเอง  ถ้าคุณจะเดินทางนานๆล่ะก็ เกวียนคันนี้ดีที่สุดแล้ว”

เธอพูดกับชั้น

ชั้นมองตามทิศทางที่เธอชี้ไป ทันใดนั้นชั้นก็นึกถึงภาพการเดินทางออกมา

ถนนเก่าๆ ลมแรงๆ กับม้าตัวผอมๆ

“ม้าสองตัวนั้นมันดูอ่อนแอจริงๆนะ...นี่เธอไม่ได้หลอกชั้นใช่มั้ยเนี่ย?”

“อย่ามองแค่ว่ามันผอมกว่าตัวอื่นสิ ความอดทนมันสูงมากเลยนะ”

“โอ๊ะ โทษทีนะ ชั้นไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องม้ามากขนาดนี้น่ะ คิดว่าจะดีแต่ปาก”

หยาจือใช้รอยยิ้มแบบนางฟ้ามองมาที่ชั้น

“ไปตายซะ”

ตอนที่ชั้นกำลังจ่ายเงิน ชั้นก็เห็นคาโลน่า

“คาโลน่า?”

“มาสเตอร์!”

มันก็ไม่เป็นไรหรอกนะที่เธอจะเรียกชั้นว่ามาสเตอร์น่ะ แต่เธอดันพูดมันออกมาต่อหน้าหยาจือนี่สิ ชั้นคงกันไม่ให้โดนล้อไม่ได้แล้วสินะ

และก็เป็นอย่างที่บอกไป

ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของหยาจือจะยังไม่จางหายไป แต่ชั้นก็รู้สึกได้ถึงออร่าของเธอเรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลี่ชาหนายออกจากร้านไป ผู้หญิงคนนี้ หยาจือ ก็เป็นปีศาจดีๆนี่เอง

“พวกหนุ่มสาวมักจะเป็นแบบนี้เสมอเลยงั้นสินะ”

คาโลน่ามองไปที่หยาจืออย่างไม่เข้าใจ

“คุณคือ...พี่สาวจากร้านขายดอกไม้ใช่มั้ยคะ? ชั้นคือเจ้าหน้าที่สืบสวน คาดลน่า”

ทันใดนั้น หยาจือก็เข้ามาจับแขนชั้นไว้

ยัยนี่กำลังทำอะไรกัน?

เป็นเพราะหน้าอกเธอกำลังโดนชั้นอยู่ ทำให้ชั้นกังวลนิดหน่อย

“สวัสดีจ้ะ คุณคาโลน่า ชั้นคือภรรยาเก่าที่ถูกใช้แล้วทิ้งของตาลุงคนนี้น่ะจ้ะ”

บ้าเอ๊ยยย!!!

วันเสาร์, มกราคม 21, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 13 ตาลุงกับคุณนักเรียนเกียรตินิยม (4)

Chapter 13: ตาลุงกับคุณนักเรียนเกียรตินิยม (4)

อุ๊บส์…


ต้องรีบเอาดินมากลบหลุมพวกนี้แล้ว....


ฮึบ! ฮึบ!


ฟู่วว.. เท่านี้น่าจะโอเค ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ถ้าชั้นทำหลุมเบ้อเริ่มบนพื้นโดยไม่ขออนุญาต พรุ่งนี้ชั้นคงโดนหัวหน้าหมู่บ้านมาเฉ่งเอาแน่ๆเลย


ดินที่นำมากลบถูกขุดมาจากตีนเขา เพราะงั้นตอนนี้ เลยมีหลุมอยู่ที่นั่นแทน


การกระทำแบบนี้ “รื้อกำแพงตะวันออก เพื่อนำมาซ่อมกำแพงตะวันตก” อาจจะดูไร้ประโยชน์ก็จริง แต่คงไม่มีใครสงสัยหรอกว่าการที่ดินตรงตีนเขาหายไปอย่างลึกลับมันเป็นฝีมือของชั้นน่ะ ดังนั้นมันปลอดภัยสุดๆ!


ก็นะ ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อชั้นเริ่มขุดดินมากลบหลุม คาโลน่าก็เอาแต่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างไร้วิญญาณ


ถ้าตอนนั้นชั้นหลบล่ะก็ เธอคงจะไม่ช็อคมากจนตกอยู่ในสภาพนี้แน่ๆ


แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะนะ ชั้นต้องทำให้เธอรู้ซึ้งถึงคำที่ว่า “ครั้งนี้ชั้นจะต้องชนะ” จะทำให้เธอแพ้ตั้งแต่เริ่มเลย


ในเมื่อเธอจบจากโรงเรียนมาในอันดับหนึ่ง เธอมักจะเหยียดหยามคนที่อยู่ต่ำกว่าอย่างมีความสุข


แน่นอนว่าการที่เป็นอันดับหนึ่งนั้นจะต้องมีภาระหน้าที่อยู่ในความรับผิดชอบมากมาย ดังนั้นคำพูดและการกระทำของเธอจึงมักจะรุนแรงอยู่เสมอ


วิธีที่ง่ายที่สุดในการลากเธอลงมาจากบัลลังก์


ความสามารถของเธอนั้นก็ดี ความเร็วเองก็ยอดเยี่ยม แสงศักดิ์สิทธิ์เองก็เยี่ยมไม่แพ้กัน และความตั้งใจของเธอเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน


การที่หยุดการโจมตีของเธอตรงๆนั้นจะทำให้เธอได้รู้ตัว


ที่บอกว่าพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดในเวลาแค่ไม่กี่วันมันก็แค่เรื่องโกหก


บางทีตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่กลับไป เธอก็คิดหากลยุทธ์ในการสู้กับชั้นอย่างไม่หยุดหย่อน ดังนั้นเธอจึงสามารถโจมตีชั้นได้


แต่ในสนามรบน่ะมันไม่มีเวลาให้เตรียมตัวหลายวันหรอกนะ


ถึงเธอจะเอาชนะชั้นได้ ความจริงที่ว่าเธอนั้นยังอ่อนแอก็จะไม่เปลี่ยนไป


ถ้าเธอไม่ยอมทิ้งความหยิ่งยโสของเธอไปให้เร็วที่สุดล่ะก็ ทั้งชีวิตเธอคงจะเป็นได้แค่ “อันดับหนึ่งในโรงเรียน” เท่านั้น


ที่จริง คาโลน่าก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเธอไม่สามารถก้าวข้ามชั้นได้ในปัจจุบัน ดังนั้นเธอจึงโยนระยะห่างที่เธอตั้งไว้ทิ้งไป


พอมาคิดดูแล้ว ชั้นควรจะแนะนำส่วนสุดท้ายให้เธอสินะ


“ทักษะ ‘ความเร็วพระเจ้า’ ของชั้นถูกหยุดได้ง่ายขนาดนั้น….”


หลังจากตบหัวแล้วก็ต้องลูบหลังสินะ


ในเมื่อเธอดูสิ้นหวังขนาดนั้น ชั้นเองก็อยากจะพูดอะไรปลอบเธอบ้างเช่นกัน


“ไม่หรอก มันไม่ได้ป้องกันได้ง่ายขนาดนั้น ชั้นเองก็ใช้ทักษะไปเหมือนกัน”


ถึงแม้ว่าการไม่พูดอะไรเลยมันจะดูเท่กว่าก็เถอะ แต่ก็ชั้นไม่ได้โกหก ไม่มีทางเลยที่ชั้นจะใช้แค่ร่างกายเปล่าๆป้องกันการโจมตีระดับนั้นได้


ถึงแม้ชั้นจะไม่ได้ใช้ทักษะ ชั้นก็ต้องใช้พลังเวทย์ประมาณ 15% เพื่อจะปัดป้องการโจมตีนั้น แต่การตีดาบนั้นใช้พลังเวทย์ของชั้นจนเกือบหมดไปแล้ว และอีกอย่าง ชั้นคงปล่อยให้มีการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆบ้านชั้นไม่ได้หรอกนะ


“แต่นายจะใช้ทักษะหรือไม่ก็.…”


ชั้นยื่นมือไปให้คาโลน่า เธอลังเลนิดหน่อย แต่ก็จับมันไว้


ชั้นพยุงเธอขึ้นมาอย่างนุ่มนวล


“ด้วยความเสียหายขนาดนี้ เธอแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งจริงๆนั่นแหละ และกลยุทธ์ของเธอเองก็ใช้ได้เลย แน่นอนว่ามันดีขึ้นมาก แต่มันก็คาดเดาการกระทำของเธอได้ง่าย นี่คือช่องว่างระหว่างประสบการณ์ไงล่ะ”


เธอเผยอปากขึ้น และก็ก้มหัวให้ชั้นในทันที


“ชั้นแพ้แล้ว นายช่วยสั่งสอนชั้นได้มั้ย?”


ชั้นเมินคำพูดเธอ


“อย่างแรกเลย ในเรื่องของความเร็ว เธอน่ะเร็วพอแล้ว แต่พอเธอพุ่งเข้ามาหาชั้นทางด้านหน้า ชั้นรู้เลยว่าเธอจะต้องอ้อมไปเพื่อโจมตีจากด้านหลัง ในเมื่อเธอคิดวิธีซ่อนสายฟ้าไว้ในเถาวัลย์ได้ สุดท้ายชั้นต้องบอกเลยว่าเธอนั้นจับจุดอ่อนชั้นเพื่อจะโจมตีได้แล้ว เพราะว่าเธอนั้นต้องการเอาชนะชั้น เธอจึงคิดมากเกินไปว่าทุกการโจมตีจะต้องคิดอย่างละเอียดให้รอบคอบ ดังนั้น ชั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตามความเร็วเธอให้ทัน ที่ชั้นต้องทำก็แค่ หันหน้าให้ถูกจังหวะและรอเธอแค่นั้นเอง”


“อุก...แต่ทักษะที่ชั้นใช้ไปมัน…”


ชั้นหัวเราะออกมา


“ชั้นจะไปรับการโจมตีระดับนั้นด้วยมือเปล่าได้ยังไงกัน? ชั้นโกงเอาน่ะ”


“กะ-โกง?”


คาดลน่าดูประหลาดใจมาก หนังตาเธอกระตุกเล็กน้อย


“ใช่แล้ว ชั้นใช้ทักษะของชั้นปรับเปลี่ยนแกนเวทย์ในดาบเงินนิดหน่อยน่ะ เป็นเพราะ เมื่ออาวุธได้รับพลังมากเกินไป มันก็จะเสื่อมสภาพลง จะมีรอยแตกเกิดขึ้น และรูปร่างมันจะไม่คงที่ ดังนั้นมันก็เลยจัดการได้ง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนแกนเวทย์ ชั้นบังคับให้การโจมตีของเธอพุ่งผ่านตัวชั้นไป และการที่จับดาบก็ไม่ได้อันตรายเลยแม้แต่นิดเดียว”


“อ๊ะ แน่นอนว่าพอสู้จบชั้นก็ปรับแกนเวทย์คืนสภาพเดิมให้เรียบร้อยแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง”


สีหน้าของคาโลน่าดูลึกลับ แต่สัดท้ายเธอก็ถอนหายใจออกมา


“ระดับนี้มันไม่ใช่การโกงหรอก มันคือความพ่ายแพ้ของชั้น”


ชั้นกำลังรอประโยคนี้อยู่เลย


“ระดับนี้มันไม่ใช่การโกง” คำพูดที่เปิดใจแบบนี้ หมายความว่าคืนนี้มันก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ซะทีเดียว


เอาตรงๆเลยนะ การที่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองได้เนี่ย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอโตขึ้นแล้วยังไงล่ะ


คาโลน่าขยับตัวยืนตรงขึ้นอย่ารวดเร็ว และโค้งตัวลง


“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ!”


เอ..อย่างที่คิดเลย เธอยังติดนิสัยการเป็นนักเรียนอยู่


“คุณช่วยรับชั้นเป็นศิษย์ได้รึเปล่า? ชั้นจะมอบทั้งชีวิตให้คุณเลยค่ะ!”


“.......”


ชั้นปัดเศษดินออกจากตัวและลูบผมเธอ


ร่างกายตึงไปหมดเลยแฮะ อ่า…


“เป็นเด็กดีจังนะ ชีวิตเธอยังมีอะไรสำคัญรออยู่มากมาย เธอจะไปได้ไกลมากกว่านี้ เพราะเธอคือผู้กล้ายังไงล่ะ”


ผู้กล้าหมายเลข 577 คาโลน่า!


ตื่นเต้นจังเลยแฮะ ในสองเดือนมานี้ ในที่สุดตัวเลขก็เพิ่มขึ้น!


คาโลน่าพูดกับชั้นอย่างจริงจัง


“มาสเตอร์ ถ้าคุณอยากจะเลียแขนชั้นล่ะก็ คราวนี้ชั้นจะไม่ตบคุณแล้ว”


“ชั้นไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเฟ้ย! มันจะดีกว่านะ ถ้าเธอรีบพาชั้นไปหาคนที่สร้างดาบเงินนั่น….ไม่สิ ชั้นหมายถึงอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์น่ะ”


คาโลน่ายิ้มออกมาอย่างมีความสุข


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ชั้นเห็นเธอยิ้ม พร้อมกับร่างกายที่ชุ่มเหงื่อท่ามกลางแสงจันทร์ มันเป็นภาพที่สวยงามมาก


“มาสเตอร์เองก็มีคนที่อยากจะก้าวข้ามงั้นสินะคะ”

“แน่นอนสิ ชั้นไม่คิดหรอกนะว่าตัวเองจะเป็นช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งในโลกน่ะ”