วันจันทร์, มีนาคม 06, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 18 ตาลุงกับคำสาป (1)

Chapter 18: ตาลุงกับคำสาป (1)

เมื่อวาน ชั้นเป็นคนถลกหนังจากศพหมาป่า


คาโลน่าใช้ดาบของเธอฆ่าหมาป่าทั้งสี่ตัวนั่น เพราะงั้นคุณภาพของหนังมันเลยไม่ดีเท่าไหร่


กลับกัน คุณภาพของหนังจากหมาป่าที่ชั้นฆ่าไปก็ไม่เลวนัก


ตอนนี้ ชั้นคือพ่อค้า และกำลังใช้สายตาของพ่อค้าประเมินปัญหาอยู่


การแบกรับความเสี่ยงจะต้องได้รับผลตอบแทน และถ้ามีอะไรที่ได้มาฟรีๆล่ะก็คงจะเสียเปล่าถ้าหากไม่รับมันเอาไว้


คาโลน่าสูญเสียเรี่ยวแรงไปหมดตอนที่ราชาหมาป่าพุ่งโจมตีเข้ามา หลังจากการโจมตีนั้น เธอยังตกอยู่ในความหวาดกลัวจากความตาย


ชั้นเข้าใจดีว่าเธอรู้สึกยังไง ถึงแม้ว่าจากมุมมองของชั้นแล้ว มันจะเป็นไปตามที่คาดไว้ก็เถอะ แต่พูดถึงเธอแล้ว เธอกำลังตกอยู่ในความทุกทรมานจากบาดแผลทางจิตใจอยู่แน่นอน


การถลกหนังหมาป่ามันเป็นภาระที่หนักมากสำหรับคนๆเดียว ยิ่งกว่านั้น ชั้นยังต้องเอายาให้คาโลน่าอีก


ตอนที่ชั้นจะไปรักษาแผลของคาโลน่า เธอมองชั้นด้วยสายตาที่ไร้ชีวิตชีวา


จากนั้น เธอค่อยๆปลดกระดุมและขยับตัวออกจากชุดนอน คอเสื้อเลื่อนลงไปอยู่ตรงข้อศอก เปิดให้เห็นไหล่ของเธอที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นและ…….


อืม มันใหญ่พอสมควรเลย


ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่----------


ไม่ได้สิ!! ชั้นไม่ใช่คนที่จะทนแรงดึงดูดแบบนี้ไม่ไหวนะเฟ้ย!


อีกฝ่ายยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ! อย่าเสียสมาธิ อย่าเสียสมาธิ!


สุดท้ายแล้ว ก่อนที่ชั้นจะเห็นมัน ชั้นเดิมพันด้วยความเร็วที่ชั้นภาคภูมิใจ อ้อมไปข้างหลังเธอ


อืมม แผ่นหลังที่ขาวราวกับหิมะนี่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด


หลังของเธอเรียบเนียนราวกับหยกชั้นดี ถ้าชั้นใช้นิ้วจิ้มไปเบาๆล่ะก็ ชั้นจะรู้สึกได้ถึงความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มของผิวหนังเด็กสาวได้เลย ถึงแม้ว่าเลือดมันจะเหม็นหืน แต่ชั้นก็ยังแยกแยะกลิ่นมันได้เป็นอย่างดี


ชั้นตบหน้าตัวเอง ในที่สุดชั้นก็สงบลงพอที่จะทายาใส่แผลของเธอ


“รู้สึกยังไงบ้าง? เจ็บรึเปล่า?”


อ๊ะ! นี่ชั้นพูดเรื่องที่น่าอายออกไปแล้วสิ!


ยาที่ชั้นทำเอง มันมีผลห้ามเลือดและแก้พิษได้ เป็นไปได้ว่ามันมีประโยชน์มากกว่าเวทมนตร์ซะอีก แต่มันก็เจ็บเช่นกัน


ยังไงก็ตาม คาโลน่าก็แค่ติดกระดุมเสื้อเธอขึ้นอย่างเงียบๆ เธอสั่นไปทั้งตัวขณะที่เข้าไปในถุงนอน


เฮ้อ หวังว่าเธอคงจะไม่ฝันร้ายนะ


ชั้นวางหนังหมาป่าไว้เหนือกองไฟ เพื่อผึ่งให้มันแห้ง และนั่งรอจนถึงเช้า


แผนเดิมก็คือ ชั้นกะว่าจะนอนในรถช่วงกลางวันนี้ แต่ก่อนอื่นเลย เมื่อตอนเช้า ชั้นพบว่าคาโลน่ายังคงไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ดังนั้นชั้นจึงรับหน้าที่คุมม้าไป


การอดนอนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชั้น ชั้นไม่ได้รู้สึกเคืองอะไรเลย


“พี่จ๋า คาโลน่า เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”


เมื่อตอนเช้า อีแลนพบว่าคาโลน่าทำตัวแปลกไป


อันที่จริง คนที่เอาแต่ห่อตัวอยู่ในถุงนอน ตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น ต้องไม่ปกติอยู่แล้วล่ะ


“ไม่เป็นไรหรอก”


ขณะที่พูดแบบนั้น ชั้นก็เพ่งความสนใจไปยังเบื้องหน้า


ตั้งแต่ที่เราเข้ามาในพื้นที่นี้ ชั้นรู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆในอากาศ


มันเป็นความรู้สึกประเภทที่ทำให้คนขนลุกเสียวสันหลัง มันไม่ใช่ความหนาวแบบตอนอยู่ในหน้าหนาว


ขณะที่เวลาผ่านไป ความรู้สึกนี้มันก็แรงขึ้นเรื่อยๆ


ตอนที่ชั้นผ่านต้นไม้ ความรู้สึกหนาวเย็นนี้ก็พุ่งขึ้นมาถึงขีดสุด ชั้นมองไปที่ต้นไม้ และเห็นเป็นร่างสีขาวรางๆ


เป็นรูปร่างผู้หญิงผมยาวที่มีริมฝีปากสีแดง กับรอยยิ้มที่ดูน่าสยดสยอง แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา


มันเป็นความเร็วในระดับที่ชั้นไม่สามารถสัมผัสได้ แต่บางทีอาจจะไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้


ในเมื่อชั้นรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ตรงนั้น ชั้นคงจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้


ชั้นหยุดรถทันที


“โทษทีนะอีแลน รอนี่แป๊บนึงนะ”


ชั้นยืนอยู่ตรงหน้าต้นไม้เป็นพักนึง จากนั้นก็เริ่มขุด ดินที่อยู่รอบๆมันไม่แข็งเท่าไหร่


หลังขุดไปสักพัก ชั้นก็เจอกระดูกสีขาวที่น่าขนลุก


เสื้อผ้าถูกย่อยสลายไปแล้ว เนื้อหนังเองก็ไม่มีคิดอยู่ มันมีแค่โครงกระดูกเรียบๆแห้งๆเท่านั้น


ถ้าชั้นไม่ได้มาเกิดใหม่ในโลกนี้ล่ะก็ ร่างนี้ก็คงจะกลายเป็นแบบนี้สินะ


“พี่จ๋า! ตรงนี้มีผู้หญิงอยู่ด้วย!”


ชั้นกระโดดพุ่งออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงอีแลนร้อง แต่ก็ไม่เจออะไร


อย่าบอกนะว่า เพราะอีแลนเป็นเผ่าปีศาจ เธอเลยเห็นสิ่งที่ชั้นมองไม่เห็น?


หรือมันจะดีกว่าที่จะบอกว่าเป็นสิ่งที่ชั้นไม่สามารถเห็นได้ในโลกนี้ ถึงมันจะเป็นแค่รูปร่างแปลกๆ ชั้นก็ต้องระวังตัวเอาไว้


“นี่ ไม่นะ ว้ายยย!!”


ชั้นได้ยินเสียงอีแลนกรีดร้อง ชั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจจะเป็นอะไรที่น่ากลัว โผล่ออกมาใกล้มากพอที่จะทำให้กลัวสุดๆ


ถึงชั้นจะมองไม่เห็นมันก็เถอะ แต่ไม่มีใครมารังแกครอบครัวชั้นได้หรอกนะ ชั้นจะเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม


ชั้นกวาดสายตาไปยังโครงกระดูก และพบกับสร้อยคอที่คล้องอยู่กับกระดูกสันหลัง นั่นคือสิ่งของของคนตาย


ชั้นดึงสร้อยคอออกมา


“ออกมาสิ แกต้องการเจ้านี่ใช่มั้ย!”


“พี่จ๋า! ระวัง! มันพุ่งไปหาพี่แล้ว”


บ้าเอ๊ย


เจ้าพวกคนตายนี่ เป็นผีไปแล้วยังจะมาสร้างปัญหาให้อีก


ชั้นอยากจะเห็นจริงๆ เจ้าสิ่งที่ชั้นมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มันจะทำร้ายชั้นได้ยังไง


ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะกักเก็บความแค้นแบบไหนไว้ มันก็ไม่ควรจะเอาไปลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าเกิดพวกนั้นทำแบบนี้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ตอนตายเองก็จะกลายเป็นแบบนั้นเหมือนกัน


ชั้นโยนสร้อยคอออกไปด้านข้าง และถูกใครบางคนกระแทกเข้ามาทันที


คาโลน่ายังอยู่ในชุดนอนของเธอ ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของเธอดูเหมือนคนใกล้ตายเต็มที


สายตาเธอมองมาที่ชั้น แต่จริงๆแล้วเธอไม่ได้มองชั้นอยู่


“พี่จ๋า ผู้หญิงคนนั้นอยู่ติดกับร่างของพี่คาโลน่า!”


พร้อมๆกับเสียงร้องของอีแลน คาโลน่าพูดคำเหล่านี้ออกมา


“หมาป่า,ฆ่า…...ข้าจะ...ตายซะ…..”

ดาบเงินถูกชักออกมาจากฝัก

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 17 ตาลุงกับความมืดในพุ่มไม้

Chapter 17: ตาลุงกับความมืดในพุ่มไม้

กองไฟส่งเสียงปะทุออกมา ชั้นโยนกิ่งไม้แห้งๆลงไป


ในฤดูนี้ การหาเชื้อไฟให้พอไม่ใช่ปัญหา


โดยเฉพาะในที่ที่ไม่มีคนแบบนี้ พื้นเต็มไปด้วยเศษใบไม้เหี่ยวๆ กับกิ่งไม้กระจัดกระจายเต็มไปหมด คุณจำเป็นจะต้องเคลียร์พื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟไหม้


ชั้นผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ชั้นยังวางกับดักไว้รอบๆนี้อีกด้วย เพื่อที่มันจะได้เตือนชั้นเวลามีอันตราย ถ้าเกิดชั้นเผลองีบไป


ป่านี้มันตรงตามที่คาโลน่าบอกเอาไว้เลย มันไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน


ตอนที่ชั้นกำลังจะหลับตาลง ชั้นก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังมาจากหลายๆที่ ในการรับรู้ของชั้น


ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ไกลออกไป ชั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงตัวตนที่อันตราย มันไม่ใช่คน แต่เป็นอย่างอื่น


ศัตรูที่ไม่รู้จักเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แม้สำหรับชั้นก็ตาม ชั้นไม่สามารถมองเห็นตรงที่ที่แสงจากกองไฟส่องไปไม่ถึงได้ ความมืดมิดที่อยู่ในป่า ชั้นทำได้แค่เพิ่มความระมัดระวังเอาไว้


คาโลน่า อีแลน และเจ้าขนปุย คนสองคนกับลาหนึ่งตัว อยู่ใกล้ๆกันอย่างกังวล


ทั้งสองคนห่อตัวอยู่ในถุงนอนที่ดูเหมือนกับขนมปังขาวยาวๆ สองชิ้น ส่วนเจ้าขนปุยก็ขดตัวลงนอน บางครั้งหูของมันก็จะกระดิกไปมา ชั้นไม่รู้เลยว่ามันหลับหรือตื่นอยู่กันแน่ แต่มันน่าจะเป็นเพราะพวกสัตว์มีความสามารถในเตือนภัยตอนที่หลับอยู่


อีแลนยิ้มแปลกๆตอนที่เธอหลับ และบางครั้งก็เรียกชื่อชั้นออกมา


คาโลน่าเองก็ปราศจากการระมัดระวังตัว ทั้งคำพูดและท่าทาง ดูเหมือนกับเด็กสาวทั่วๆไป


ในฐานะที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของกลุ่มนี้ ชั้นควรจะเป็นหนึ่งในผู้จู่โจมยามราตรี อย่างเช่น การจิ้มแก้มสีชมพูของคาโลน่า แต่ว่าชั้นเองก็ไม่ได้อยู่ในวัยหนุ่มสาวอีกแล้ว และอีกอย่างคือ ชั้นไม่ได้สนใจในเรื่องอะไรอย่างนั้นด้วย


ยิ่งไปกว่านั้น คาโลน่าเองจะต้องโกรธมากแน่ๆ


ชั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากของอีแลนเบาๆ เดาว่าเธอคงจะกำลังฝันดีอยู่


“เอะเฮะเฮะ ข้าวแกงกะหรี่ กินไม่ไหวแล้ว…”


ที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเดาเลยล่ะนะ


“พี่จ๋า….”


ชั้นโน้มตัวข้ามถุงนอนเพื่อไปกุมมือเธอไว้ และเธอก็ยิ้มออกมาทันที


“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นจะปกป้องเธอเอง”


ชั้นยืนขึ้น


อย่างที่คาโลน่าบอกเอาไว้ หมาป่า 23 ตัว ได้คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มีอีก 3 ตัว เป็นหมาป่าชั้นสูง และอีก 1 ตัว เป็นราชาหมาป่าที่ซ่อนตัวอยู่ รวมๆแล้วก็มีทั้งหมด 27 ตัว ในระยะ 100 เมตร


มันไม่ใช่ว่าชั้นไม่รู้สึกตัวที่พวกมันเข้ามาใกล้หรอก


ตั้งแต่แรกชั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกมันไม่ใช่พวกที่จะเจรจาด้วยได้ ในเมื่อการต่อสู้มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะงั้นเลยไม่มีเหตุผลให้ต้องตื่นตระหนกในตอนที่พวกมันอยู่ห่างออกไปเกินร้อยเมตร


ชั้นดีดนิ้วข้างหน้าคาโลน่า และเธอก็ลืมตาขึ้นมา งงๆอยู่พักนึง และเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาในทันที


เธอดีดตัวออกจากถุงนอนอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังทำอย่างนั้น ชั้นควรจะพูดหน่อยว่า ชุดนอนของเธอเป็นเสื้อเชิ้ต กับกางเกงสีฟ้าที่มีลายจุดสีขาว เป็นผ้าบางๆ ไว้สำหรับใส่อยู่บ้าน


“เธอจับกลิ่นอายได้รึเปล่า?”


“เอ.. มีอยู่ 26 ตัวค่ะ”


แบบนี้นี่เอง เธอไม่รู้สึกถึงตัวตนของราชาหมาป่างั้นสินะ? จริงๆแล้ว เจ้านี่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์เลยทีเดียว


ในโลกนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูล ข้อมูลผิดๆจะนำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดได้เลย ชั้นจำเป็นจะต้องให้เธอเข้าใจจุดนี้เอาไว้


การที่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของราชาหมาป่าเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง และก็ยังเป็นปัญหาเรื่องของประสบการณ์อีกด้วย


พวกฝูงหมาป่าจะต้องมีตัวที่มีความแข็งแกร่งเป็นหัวหน้าอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ เธอก็ควรจะระวังเอาไว้ว่ามันจะมีตัวที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆด้วยการดูจากฝูงหมาป่าทั้งหมด และก็สรุปเอาจากสิ่งนั้นว่ามีหมาป่าอย่างน้อยอีกหนึ่งตัวที่เธอจับสัมผัสมันไม่ได้


“พวกหมาป่ามันฉลาดมาก ถึงพวกมันจะรู้ว่าความแข็งแกร่งมันต่างกัน พวกมันก็ไม่กลัว เธอจำเป็นจะต้องฆ่ามันให้ได้อย่างน้อยครึ่งนึงก่อนที่พวกมันจะหนีไป ไปปกป้องพวกม้า ส่วนที่เหลือให้ชั้นจัดการเอง นี่เป็นการต่อสู้แบบป้องกัน เพราะงั้นอย่าออกห่างจากเป้าหมายเกินไปล่ะ”


ชั้นพูดเรียบๆ


“ทราบแล้วค่ะ!”


ตอนที่คาโลน่าเข้าไปใกล้ๆม้า หมาป่าสีน้ำตาลก็หมดความอดทน และพุ่งออกมาจากพงหญ้า


เหมือนๆกันกับหน้าที่ของแนวหน้า หมาป่าตัวแรกคือเพื่อข่มขวัญศัตรู


“เอานี่ไปกินซะ!”


--------ผัวะ!!


กำปั้นบดขยี้ลงบนกะโหลกของหมาป่าตัวนั้น วงแหวนพลังเปล่งออกมา และเจ้าหมาป่าตัวนั้นก็กระแทกพื้นลงไปอย่างรุนแรง


เจ้าขนปุยลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา มองไปรอบๆอย่างตื่นตัว


“ไม่เป็นไร เจ้าขนปุย แกกับอีแลนอยู่ใกล้ๆชั้นเอาไว้ และก็อย่าอยู่ห่างจากกองไฟล่ะ”


“ฮี้!”


ชั้นมองหมาป่าตัวอื่นที่เหลือด้วยสายตาเย็นชา


ถึงแม่ว่าพวกหมาป่ามันจะสับสนนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ถอยไป


ดีมาก เข้ามาจัดการชั้นสิ


คราวนี้มีหมาป่าสามตัวจู่โจมมาจากทั้งสามทาง ด้านซ้าย ด้านขวา แล้วก็ข้างหลัง แต่ก็เหมือนกับตัวก่อนหน้านี้ ยังเป็นแค่หมาป่าธรรมดาอยู่


ชั้นฟาดหมาป่าที่อยู่ด้านหลังให้กระเด็นกลับเข้าไปในพุ่มไม้ และในขณะเดียวกันก็ใช้แรงเหวี่ยงเพื่อให้หมาป่าที่พุ่งมาจากด้านซ้ายกับขวา จู่โจมใส่อากาศเปล่าๆ


และในการโจมตีต่อมา มีหมาป่าสองตัวพุ่งมาจากทางด้านหน้าเพื่อโจมตี พุ่งเข้ามาสู่จุดจบ


จากการที่มันเชื่อว่าชั้นคงไม่มีเวลาตอบสนองได้ทัน พวกมันจึงพยายามหาทางที่สั้นที่สุดเพื่อโจมตีอย่างรวดเร็ว ระดับนี้มันเป็นอะไรที่เดาทางได้ง่ายมาก


การใช้ขาเตะพวกมันเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุดก็จริง แต่ว่าไม่ได้มีแค่เจ้าสองตัวนี้ที่คอยจับตามองชั้นอยู่


ดังนั้น ชั้นเลยต่อยพวกมันแบบไร้ความปราณีเข้าไปที่หน้าตรงๆแทน


มีหมาป่า 4 ตัว พุ่งเข้ามาใส่ชั้นจากด้านหลัง หนึ่งในพวกนั้นเป็นหมาป่าชั้นสูง


นี่เป็นโอกาสดีเลยที่จะแสดงให้พวกมันเห็นถึงความแตกต่างของพลังของพวกเรา ชั้นไม่ได้อยากจะฆ่าหมาป่าที่อยู่ในป่านี้เลย ถ้าเป็นไปได้ ชั้นหวังให้พวกมันหนี หรือล่าถอยไปเองล่ะนะ


ดังนั้นชั้นเลยเตะแบบธรรมดาๆให้พวกมันกระเด็นไปด้วยความรวดเร็ว


ในสองวินาที ตอนที่พวกมันพุ่งเข้ามา ทำให้เจ้าขนปุยกับอีแลนกลัวจนน้ำตาซึม ชั้นเตะออกไปสี่ครั้ง


มีแค่หมาป่าชั้นสูงเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงความเสียหายให้กับอวัยวะภายในได้ ส่วนตัวอื่นๆคงไม่รอด


ชั้นเหยียบลงบนตัวหมาป่าชั้นสูงที่นอนชักกระตุกอยู่ และส่งจิตสังหารไปหาหมาป่าที่เหลือในป่า


หมาป่าที่อยู่ในพุ่มไม้ถอยไปในทันที ชั้นยกตัวหมาป่าที่อยู่ใต้เท้าขึ้นและเตะส่งมันกลับเข้าไปในป่า


ถึงแม้ว่าขนของหมาป่าสีดำจะเอามาใช้ป้องกันได้ไม่เลวก็เถอะ แต่ชั้นเป็นพ่อค้าขายอาวุธ การเก็บมันไว้ไม่มีประโยชน์อะไร


คาโลน่าเดินโซซัดโซเซมาหาชั้น ตรงกันข้ามกับชั้นเลย สภาพเธอดูน่าสงสารมาก คงจะดีกว่าถ้าบอกว่า น่าอนาถเลยน่ะนะ ชุดนอนเธอขาดไปหลายส่วน เผยให้เห็นผิวขาวๆของเธอ แขนซ้ายกับขาขวา มีรอยถูกหมาป่ากัด เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็โชคดีที่แผลไม่ได้ลึกไปถึงกระดูก


เป็นครั้งแรกเลยที่ชั้นปล่อยให้คาโลน่ารับมือกับศัตรูตามลำพัง ชั้นอาจจะดูโหดร้าย แต่มันเป็นเพราะว่าเธอนั้นจำเป็นจะต้องมีประสบการณ์ ในเมื่อเธอเรียกชั้นให้เป็นมาสเตอร์ ชั้นจำเป็นจะต้องทำแบบนี้


“ฆ่าได้ 4 ตัว ส่วนที่เหลือหนีไปค่ะ!”


“เธอทำได้ไม่เลวเลยล่ะนะ แต่ก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี”


“เอ๋!?”


คาโลน่าส่งเสียงประหลาดใจออกมา


หมาป่าตาเดียวกระโจนสูงขึ้นไปในอากาศอย่างเงียบเชียบ พุ่งเข้าใส่คาโลน่าเหมือนกับปีศาจร้าย


มันคือราชาหมาป่าที่ไม่ยอมละทิ้งการต่อสู้


คาโลน่าไม่ได้ระวังตัว จนกระทั่งราชาหมาป่าเกือบจะเข้าถึงตัวเธอ นัยน์ตาของเธอส่องประกายออกมาด้วยความหวาดกลัว ลืมแม้กระทั่งวิธีต่อสู้กลับ


ปากที่ชุ่มไปด้วยเลือด เปิดกว้างอย่างกับหม้อใบใหญ่ๆ มุ่งไปยังคอที่ขาวราวกับหิมะของคาโลน่า ฟันซี่คมๆทั้งสองแถวห่อหุ้มลิ้นหนาๆเอาไว้ข้างใน


ฮึ่ม


เจ้าสัตว์ป่าหน้าขนนี่ แกคิดว่าชั้นคนนี้เป็นใครกัน


หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว แกตัดสินใจจะโจมตีคาโลน่างั้นเรอะ? ถึงแกจะทำได้สำเร็จ ก็ไม่มีทางที่ชั้นจะปล่อยแกไปแน่


ยิ่งกว่านั้นนะ ชั้นรอแกมานานแล้ว


----ฮ่า!!


ระยะห่างแค่นี้มันไม่เท่าไหร่ สำหรับชั้น...ตาลุงร้านขายอาวุธ


ชั้นบีบคอราชาหมาป่าเอาไว้ ผลจากแรงเฉื่อยทำให้มันถูกเหวี่ยงกลับเหมือนลูกตุ้มไปทางคาโลน่า


แม้แต่เล็บแกก็จะไม่ได้แตะคนของชั้น ชั้นจะส่งแกกลับไปเอง


ด้วยการใช้แรงจากแขนขวา ชั้นย่ำลงไปบนพื้นจากนั้นใช้แรงบังคับเขวี้ยงมันออกไป


----ตูม!!


ราชาหมาป่าลอยออกไป  ชนเข้ากลางลำของต้นไม้


หลังจากที่ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก มันก็รีบถอยออกไป


ก็นะ เจ้านี่ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยล่ะ


แสงจากกองไฟส่องระยิบระยับไปมา ชั้นมองกลับไปยังคาโลน่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ


“อย่างที่ชั้นบอกไป ยังใช้ไม่ได้ล่ะนะ”

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 16 ตาลุงกับความทรงจำที่ถูกลืม

Chapter 16: ตาลุงกับความทรงจำที่ถูกลืม


ผืนนภาสีฟ้าเข้ม เปียกปอนไปด้วยสีเขียวหยก
ดวงตะวันขึ้นสูง และบางครั้งจะมีนกอินทรีย์มาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
พวกเราถูกคนในหมู่บ้านมาส่งที่ทางเข้า หลี่ซาหนายยืนเขย่งปลายเท้าโบกมือมาให้ชั้น
อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้าไปในปอดของชั้น ความสดชื่นแบบนี้มันอาจจะทำให้เสพติดได้เลยนะนี่
เกวียนไม้บรรทุกสีเหลืองที่ราวกั้นเต็มไปด้วยคราบจากปีก่อน ที่นั่งแบบเรียบง่ายไร้ซึ่งของตกแต่ง และพื้นยังเย็นหน่อยๆด้วย
เสียงกีบเท้าของม้าดังขึ้นและเกวียนก็สั่นเล็กน้อย เสียงสายลมหวีดหวิวแล่นเข้ามาในหูของชั้น
ต้นไม้เขียวชอุ่มเรียงรายอยู่ทั้งสองด้าน ขณะที่นกก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งคราว ถนนดินสีเหลืองมีร่องรอยเหมือนกับงูที่มุ่งหน้าไปสู่อีกโลก
อ่า! นี่แหละความรู้สึกของการออกเดินทางล่ะ!
มันเหมือนกับว่าชั้นถูกเติมเต็มไปด้วยเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่าง
อีแลนมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงตาสดใสและเปล่งประกายอย่างมีความสุข
โอ้ อีแลน แม้ว่าชั้นจะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่ได้ออกเดินทางออกมาข้างนอกเป็นครั้งแรกก็เถอะ
ดูชั้นซะก่อนสิ! ในฐานะที่เป็นตาลุงแก่ๆ ชั้นรู้ดีว่าควรจะทำตัวให้นิ่งๆไว้ยังไง
ถึงนี่จะเป็นการออกเดินทางครั้งแรกก็เถอะ แต่เธอแสดงออกมากเกินไปแล้ว
เป็นผู้ใหญ่ เธอต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เข้าไว้นะ
“พี่จ๋า ดูนกน้อยน่ารักตัวนั้นสิ!”
“ไหน! ไหน!?”
โอ๊ะ โอ มันสวยมากๆเลย ชั้นคิดว่า….มันสวยเพราะขนนั่นสินะ? เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ งดงามมากจริงๆ…..หึหึ
ชั้นไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อย การเดินทางคือการฝึกฝน มันคือการฝึกฝน…
“พี่จ๋า ดูกิ้งก่าตัวนั้นสิ! มันกำลังกินด้วงด้วยล่ะ!”
“ไหน! ไหน!?”
หวาา จริงๆด้วย เจ้าด้วงนั่นถูกลิ้นยาวๆกลืนลงไป เป็นไปได้ว่ามันจะถูกย่อยงั้นสินะ?
ยังไงก็เถอะ ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า เจ้ากิ้งก่าย่อยสลายนั้นมีกรดในกระเพาะที่รุนแรงสุดๆอยู่ มันสามารถกัดกร่อนเหล็กได้เลย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
บ้าเอ๊ย! ชั้นอยากได้สักตัวจริงๆเลย! ในฐานะช่างตีเหล็กแล้วเนี่ย กรดในกระเพาะแบบนี้มันถือเป็นสมบัติล้ำค่าเลยละ
แต่ว่าชั้นกำลังเดินทางอยู่!
เอ๊ะ แต่มาคิดดูแล้ว อีแลนรู้ได้ยังไงกันว่าเจ้าแมลงนั่นเรียกว่าด้วงน่ะ?
เดี่ยวนะ ถ้าชั้นดูให้ดีๆแล้วเนี่ย ตั้งแต่ที่ชั้นถูกส่งมาเกิดใหม่ชั้นก็ใช้เวลาสองปีที่ผ่านมาอยู่แต่ในหมู่บ้าน
การซื้อของต่างๆ ก็จะมีพวกพ่อค้าเร่มาขายถึงที่ร้าน และลูกค้าเองก็มาที่ร้านโดยตรงเลยด้วย
แต่ว่า อีแลนนั้นผ่านอะไรมามากมายระหว่างทางมาจากเผ่าปีศาจ จะพูดก็ได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีแลนออกเดินทาง
ดูจากลักษณะของคาโลน่าแล้ว เธอออกเดินทางเป็นประจำอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น คนเดียวที่ไม่เคยออกจากหมู่บ้านก็คือชั้นงั้นหรอ? ชั้นเป็นคนเดียวที่อยู่ติดกับบ้าน?
ชัดเลย….
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ชั้นอาศัยอยู่ในโลกนี้มันน้อยยิ่งกว่าคาโลน่ากับอีแลน ชั้นเป็นตาลุงหนุ่มที่มีอายุแค่สองปี
โดยปกติแล้ว การที่ผู้คนจะเกิดใหม่จะต้องไปเกิดในร่างของเด็กทารก และตัวชั้นดันถูกส่งมาเกิดในร่างของใครบางคนที่เพิ่งตายได้ไม่นาน
เมื่อสองปีก่อนชั้นตื่นขึ้นมาในป่าใกล้ๆกับหมู่บ้าน โดยมีสิ่งที่อยู่ข้างตัวชั้นคืออาวุธหักๆ
ชั้นใช้ชื่อว่าไจ้เฝอ เข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในหมู่บ้านและเปิดร้านขายอาวุธ ไม่ใช่ว่าที่ชั้นไม่ได้ออกจากหมู่บ้านเป็นเพราะชั้นไม่อยากไป แต่เป็นเพราะว่าชั้นออกไปไม่ได้ต่างหาก
บังเอิญว่าไม่มีใครในหมู่บ้านจำชั้นได้ แต่ถ้าชั้นไปที่อื่นล่ะก็ชั้นอาจจะได้พบกับบางคนที่รู้จักกับร่างนี้เข้า
ชั้นไม่ได้มีความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ ดังนั้น ชั้นจึงไม่อยากสร้างปัญหาอื่นอีก
ชั้นยังซื้อเสื้อคลุมเพื่อเอามาใช้เวลาติดต่อกับคนจากภายนอกโดยเฉพาะอีกด้วย
“คาโลน่า เราจะไปที่ไหนต่อ?”
ตอนนี้คาโลน่าที่กำลังบังคับเกวียนอยู่เงยหน้าขึ้นมาและชี้แส้ในมือเธอออกไปยังทิศทางหนึ่ง
“พวกเราเพิ่งจะออกมาและสินค้าก็ยังมีอยู่พอประมาณค่ะ อีกราวๆสองวัน พวกเราจะไปถึงหมู่บ้านดัวฟาเพื่อที่จะเติมของกันค่ะ”
เพราะว่าตอนนี้ชั้นสวมหน้ากากเป็นพ่อค้านักเดินทางอยู่ ตอนที่ชั้นออกมาชั้นจึงเอาดาบที่ชั้นทำเอง 5 เล่ม ออกมาพร้อมกัน และยังซื้อพวกสินค้าประจำหมู่บ้านกับกระถางดอกไม้ของหยาจือมาด้วย
แน่นอนว่าดาบมันไม่มีวันหมดอายุ และพวกดอกไม้เองก็ยังไม่ถึงฤดูออกดอก แต่ว่าในสองวันนี้ พวกสินค้ามันก็จะไม่สดใหม่อีก
ชั้นปรึกษากับคาโลน่า ถ้าชั้นอยากจะหาที่ขายสินค้า ทางเลือกเดียวของชั้นก็คือหมู่บ้านมิแลนเต้ ที่ห่างออกไปราวๆหนึ่งวัน
“มันไม่มีทางลัดหรอ?”
“มีอยู่ค่ะ ถ้าเราไปทางลัดล่ะก็คงจะถึงดัวฟาโดยใช้เวลาแค่ราวๆหนึ่งวันเท่านั้น แต่ชั้นได้ยินมาว่ามันมีพวกโจรภูเขากับพวกสัตว์ป่าอยู่”
“นั่นมันก็ดีนะ”
ชั้นพูดไว้ว่าอยากให้คาโลน่ามีประสบการณ์การต่อสู้จริง แล้วทำไมถึงจะไม่ปล่อยให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายสักหน่อยล่ะ
การต่อสู้ไปเรื่อยๆเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้เพิ่มพูนประสบการณ์ มีแต่การต่อสู้จริงเท่านั้นที่จะทำให้คุณรู้ซึ้งถึงข้อบกพร่องของตัวเอง
“แต่ว่า ถ้าเราไปทางนั้น คุณจะเดินทางไปต่อตอนกลางคืนไม่ได้และจำเป็นจะต้องพักค่ะ”
เรื่องนี้ชั้นเข้าใจดี ถ้าเสียงของพวกสัตว์ป่าทำให้พวกม้าตกใจล่ะก็ มันจะทำให้คนบังคับม้าต้องเจอกับหายนะได้ง่ายๆเลย
“งั้นเราก็แค่นอนพัก ถึงแม้เราจะไม่มีเต็นท์ เราก็ยังมีกองไฟกับถุงนอนอยู่ ถ้าให้ชั้นเฝ้ายามล่ะก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
คาโลน่าใช้หางตาเหลือบมองชั้น
“แต่ว่า...มาสเตอร์คะ ถ้ามันเป็นพวกฝูงหมาป่าล่ะก็ พวกมันมีจำนวนมากกว่า 20 ตัวเลยนะคะ ถ้าแค่คนเดียวชั้นกลัวว่า….”
ชั้นมองไปยังอีแลนที่กำลังจ้องผีเสื้ออยู่
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินล่ะก็ ชั้นจะเรียกเธอเอง”
ดูเหมือนคาโลน่าจะไม่ค่อยมีดีใจ เธอหันหน้ากลับไป
“โกหกชัดๆ ถ้ามาสเตอร์แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น มันก็ต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนอยู่แล้วสิ”
คาโลน่าไม่รู้ว่าทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่ความแข็งแกร่งของชั้นสักทีเดียว ชั้นยอมรับว่าประสบการณ์นั้นสำคัญจริงๆ แต่ร่างกายนี้ก็สุดยอดมากอยู่แล้วตอนที่ชั้นได้รับมันมา ทั้งความแข็งแรง ความคล่องตัว การสังเกตุและสมาธิ ทุกอย่างมันพิเศษไปหมด ทำไมคนแบบนี้ถึงมาตายอยู่ในป่าไร้ชื่อนั่นชั้นเองก็ยังไม่รู้จนถึงตอนนี้
แต่สิ่งเดียวที่ชั้นตัดสินใจไว้แล้ว ก็คือชั้นจะไม่เป็นคนที่ขาดความระมัดระวัง ถ้าร่างกายนี้มีหนี้บุญคุณหรือว่าความแค้นอะไรกับใครล่ะก็ ชั้นจะทำสุดความสามารถเพื่อให้มันจบลง ถึงแม้ว่าชั้นจะยังไม่รู้เลยก็เถอะว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ชื่อว่าอะไร
แต่ตอนนี้ ชั้นจะไม่สนว่าเขาเคยทำอะไรมาก่อน

ชั้นชื่อไจ้เฝอ คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตาลุงร้านขายอาวุธ ส่วนตอนนี้เป็นพ่อค้านักเดินทาง