วันพุธ, กรกฎาคม 19, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 25 ตาลุงกับโจร(3)

ตาลุงกับโจร(3)

“แกคือคนที่ทำร้ายลูกน้องชั้นใช่มั้ย?”

เอ๋??

ตาลุงบอกว่าหมอนี่มันแข็งแกร่งไม่ใช่หรอ?

เจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย? ปากที่ยื่นออกมากับคางที่เหมือนลิงนั่น

หมอนี่สูงแค่ 1.6 เมตร ทั้งผอมและอ่อนแอ และก็มีหนวดเป็นรูป 八 หน้าตาเขาดูเจ้าเล่ห์ และอายุก็เลย 30 ไปอีก ข้างหลังเขาเต็มไปด้วยพวกอันธพาลที่แข็งแกร่งประมาณ 40-50 คน

“ชั้นเอง”

ชั้นพยักหน้า

“หืม? จุดประสงค์ของแกคืออะไร?”

ชั้นพ่นลมหายใจเยาะเย้ยภายใต้ผ้าคลุม

“จะเป็นอะไรได้ล่ะ แน่นอนว่ามันคือ----”

การฆ่าล้างบาง!

ด้วยเสียงที่ดัง ‘ปึก’ ชั้นคุกเข่าลงบนพื้น

“พี่ใหญ่จ้านจวู่ ได้โปรดรับข้าเป็นลูกน้องด้วย!!”

“แก---”

คุณวิญญาณดูประหลาดใจจนพูดไม่ออก ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้น แต่อีกฝั่งเองก็งงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน

“แก เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”

“ถึงข้าจะเป็นพ่อค้าเร่ แต่ข้าก็ได้ยินข่าวมาว่าพี่ใหญ่จ้านจวู่กำลังรับสมัครคน นับตั้งแต่นี้ไป ช่วยใช้งานข้าเยี่ยงสุนัขด้วยเถอะ!”

“จุดประสงค์ของแกชัดเจนดี เว้นก็แต่---ชั้นเกรงว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกว่ามั้ย?”

“ฉลาดมาก สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่”

ชั้นหัวเราะออกมา เสียงนั่นทำให้ชั้นรู้สึกขยะแขยงตัวเองซะจริงๆเลย

“ที่จริงแล้ว ข้าทำเป็นต่อต้านพี่ใหญ่ก็เพราะว่าอยากจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง”

ชั้นยืนขึ้นและกระซิบใส่หูของจ้านจวู่

“ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่ไม่พอใจกับตำแหน่งของตัวเอง ข้าสามารถช่วยพี่ใหญ่ได้ ตอนที่พี่ใหญ่ก้าวขึ้นมาได้อย่างไร้ความกังวล ข้าหวังว่าจะได้จัดการเก็บเศษซากที่พี่ใหญ่เหลือทิ้งไว้”

จ้านจวู่หัวเราะออกมาทันที

“ตกลง แต่ชั้นก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน”

“แน่นอนว่าข้าแข็งแกร่งกว่าพวกลูกน้องของพี่ใหญ่เป็นร้อยเท่า”

จากการที่พูดแบบนี้ ทำให้พวกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้านจวู่ร้องคำรามออกมาทันที

“คำพูดแกมันไม่มีอะไรมารองรับ อย่างที่แกเห็น พวกพี่น้องของชั้นยังไม่ยอมรับแก ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ก็สู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดของชั้นซะ ถ้าแกชนะ ก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ ถ้าแกแพ้ล่ะก็ หึหึ ทิ้งทุกอย่างที่เป็นของแกไว้แล้วก็รีบไสหัวไปซะ”

ชั้นกำลังรอคำพูดนี้อยู่เลย ใครที่แข็งแกร่งที่สุดล่ะ? ออกมาเลย!

เฮ้ย เฮ้ย เจ้านี่มันตัวใหญ่พอดูเลยไม่ใช่หรอไง ตอนที่มันยืนอยู่ข้างๆจ้านจวู่ ดูเหมือนกับยักษ์เลย มันน่าจะสูงกว่า 2 เมตรไปอีก ชั้นยังต้องเงยหน้าขึ้นไปมองมันเลย ในตอนกลางคืน คนสูงๆแบบนี้จะบังแสงจันทร์ไว้ ทำให้คนที่ตกอยู่ภายใต้เงาจะรู้สึกว่ามันแข็งแกร่งมาก

“อย่าทำตัวกร่างให้มากนัก ไอ้เตี้ย”

มันมองมาที่ชั้นพร้อมทั้งย้ำทีละคำ

หมัดพุ่งลงมา

ถึงชั้นจะรับมันตรงๆได้ก็เถอะ แต่มันไม่จำเป็นเลย มันอาจจะดูเท่นะ แต่ชั้นจะเจ็บมือเอา

พอหมัดของมันต่อยไม่โดนอะไรทั้งนั้น ชั้นก็ต่อยเข้าไปที่หน้ามัน

ชั้นใช้แรงจากแขนหนึ่งข้างต่อยมันอย่างหนักหน่วงอยู่ฝ่ายเดียว มันเริ่มทรงตัวไม่อยู่ และก็เซล้มลงไปบนพื้น

“แบบนี้ได้มั้ย?”

คนอื่นๆถึงกับเงียบกริบ

“แค่ครั้งเดียว การโจมตีแค่ครั้งเดียวก็น็อคฮานได้….ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ การจะขับไล่เบเยอร์แมนก็เป็นไปได้แล้ว!!”

น้ำเสียงสงสัยเปลี่ยนเป็นยินดีไปในทันที

“นายวางแผนจะทำอะไรต่อ?”

คุณวิญญาณกระซิบเบาๆที่หูชั้น

“ดูอยู่เฉยๆก็พอ”

ดวงตาของจ้านจวู่กลอกไปมา มองไปที่เจ้ายักษ์ที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็จ้องมาที่ชั้น

“เอาล่ะ แกได้พิสูจน์ฝีมือแล้ว แต่แกยังต้องพิสูจน์ความภักดีอีกเช่นกัน”

“ความภักดี?”

จ้านจวู่เชิดหน้าขึ้น

“ใช่แล้ว ความจงรักภักดี แกจะแสดงให้ชั้นเห็นยังไงล่ะ?”

“เรื่องนี้...ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากพี่ใหญ่จ้านจวู่แล้ว”

จ้านจวู่โยนถุงผ้าลงมา

“ก่อนเย็นวันพรุ่งนี้ แกจะต้องเก็บเหรียญเงินมาให้เต็มถุง หรือมากกว่า แล้วก็เอามันมาคืนให้ชั้น! ถ้าแกทำสำเร็จ แกจะได้เข้าร่วมกลุ่ม แต่ถ้าแกพลาดล่ะก็ แกจะต้องเอาของมีค่าของแกทั้งหมดให้ชั้น”

ชั้นหยิบถุงผ้าขึ้นมา จำนวนที่ต้องการเพิ่มเติมถุงใบนี้ให้เต็มคือ 10 เหรียญทอง หรือ 300 เหรียญเงิน

ชั้นรู้จักวิธีนี้ เคยเห็นมาแล้วในโลกเดิม ในหนังสือซ่งเจียง ตอนที่หลินชงไปที่เหลียงชาน เขาก็ถูกบังคับโดยขุนพล

“ได้เลย พี่ใหญ่จ้าน คอยดูได้เลย แต่...ข้าเพิ่งมาเลยยังไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่ หน้าตาข้าดูแล้วคนคงไม่กลัวกัน มีทางมั้ยที่จะให้พวกนั้นรู้ว่าข้าเป็นลูกน้องของพี่ใหญ่?”

“แกคิดได้รอบคอบมาก ถ้าว่าอย่างนั้น ชั้นก็จะให้แผ่นระบุตัวตนไปคงไม่เป็นไร ถ้าแกพูดชื่อชั้นออกมาคงไม่มีปัญหา”

จ้านจวู่หยิบแผ่นสีทองแดงออกมาจากหน้าอกและส่งมันให้ชั้น

ชั้นเก็บมันใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง

“ได้เลย ข้าขอรับประกันเลยว่าจะต้องทำสำเร็จแน่นอน!”

ขณะที่ฝันหวานถึงการใช้ชั้นเพื่อกำจัดเบเยอร์แมน แม้กระทั่งการกำจัดชั้นหลังจากใช้ประโยชน์จนหมดแล้ว แก คนที่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่ไร้พรสวรรค์ จะต้องจบลงโดยการที่ถูกคนหลอกใช้

เราจะทำตรงกันข้าม

ตอนที่ชั้นได้เหรียญระบุตัวตนของจ้านจวู่มา มันก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าชั้นจะเป็นผู้ชนะ

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 24 ตาลุงกับโจร(2)

ตาลุงกับโจร(2)

ตอนที่ชั้นกลับมาที่โรงแรม ชั้นก็พบว่าคุณวิญญาณ คาโลน่า และอีแลนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

ชั้นถอดชุดแล้วก็นอนลงบนเตียง สูดหายใจลึกๆ

“มาสเตอร์ เจออะไรบ้างรึเปล่าคะ?”

“ใช่ ชั้นรู้ต้นสายปลายเหตุของปัญหาแล้ว”

ชั้นเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากโบนให้ทุกคนฟัง

“เป็นพวกที่น่าขยะแขยงจริงๆ”

อีแลนพูดออกมาด้วยความหดหู่

“สมกับเป็นมาสเตอร์เลยค่ะ แม้แต่ตรงส่วนนั้นก็ยังใหญ่เป็นพิเศษ”

“อะไรนะ ไอ้ตรงส่วนนั้นนี่คืออะไร?”

คาโลน่าพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“ความกล้าค่ะ”

อย่างที่คิดไว้ มันไม่ควรจะเป็นอะไรที่ชั้นคาดหวั… ชั้นไม่ได้คาดหวังอะไรไว้สักหน่อย!!

มีแต่คุณวิญญาณที่ก้มหัวลงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

ชั้นไม่ได้ถามอะไรเธอและพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่า

“ดูเหมือนโจรพวกนี้จะวิ่งพล่านไปทั่วตอนกลางคืน คุณวิญญาณ จะมาช่วยชั้นตรวจสอบร่องรอยหน่อยได้มั้ย?”

“แล้วชั้นล่ะคะ?”

คาโลน่าถามขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

“คาโลน่าจะต้องอยู่เฝ้าโรงแรมเพื่อปกป้องอีแลนกับเจ้าขนปุย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้ยิงเวทย์แสงและเงาขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเรียกชั้นนะ”

คาโลน่าไม่ค่อยพอใจกับหน้าที่นี้ แต่เธอก็ฟังแผนของชั้นอย่างเงียบๆ

ในช่วงบ่าย ชั้นพาคุณวิญญาณไปด้วยกันตามถนน

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครมองเห็นคุณวิญญาณ รวมถึงตัวชั้นด้วย แต่ชั้นเอาสร้อยคอของเธอพกติดตัวมาด้วย เพราะงั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าเธอจะพลัดหลงไปจากชั้น

ตามที่คุณวิญญาณบอก สร้อยคอเส้นนี้เต็มไปด้วยจิตนึกคิดที่แข็งแกร่งของเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของสร้อยคอนี้อยู่ตลอดเวลา

เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของเมืองนี้ เราจะต้องเข้าใจเรื่องต่างๆของพวกขุนนางก่อน

จากการที่พวกผู้ปกครองยอมรับสินบนและปล่อยให้พวกโจรเข้ามากดขี่ข่มเหงประชาชน พวกนั้นจะต้องเป็นคนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เหมือนกับเมฆหมอกและฝน (ตามอำเภอใจ) และเป็นคนที่หยิ่งทะนงพอสมควร

คนประเภทนี้มักคิดว่าความเพียรพยายามเป็นเรื่องที่ไร้ค่า การที่จะจับคนแบบนี้ได้คนข้างที่จะยุ่งยากนิดหน่อย แต่คนพวกนี้มักจะมีจุดอ่อนเหมือนๆกัน

ความทระนงตนและขี้อิจฉาอย่างสุดขีด

ตอนที่คนพวกนี้เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองแล้ว พวกเขาก็จะไม่ฟังคำแนะนำจากใครทั้งนั้น ต่อให้มีฟ้าผ่าลงมาใส่พวกเขาก็ตาม พวกเขาจะยังยืนหยัดในความคิดของตนเอง พวกเขามักจะมีอำนาจอยู่ในมือเสมอ และคนอื่นๆทั้งหมดทั้งมวลเป็นแค่ตัวหมากในกระดานของพวกเขา เก็บตัวที่ใช้ประโยชน์ได้ไว้ และโยนพวกที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไป โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องความรู้สึกของคนเลย พวกเผด็จการแบบนี้สามารถพบเจอได้แม้แต่ในระดับจักรพรรดิ มักจะมีคนแบบนี้อยู่เสมอไม่ขาด

นี่เป็นโอกาส แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ

ชั้นพาคุณวิญญาณไปพบลุงโบนอีกครั้งเพื่อที่จะได้เข้าใจสถานการณ์มากกว่านี้

ผู้นำของตระกูลขุนนางบาร์เกอร์คือ หลูเต่า บาร์เกอร์ อายุ 54 ปี มีภรรยา 26 คน เขามีบุตรชายหกคนภายใต้ปกครองที่รอจะได้รับมรดกของตระกูล แต่ตอนนี้ทายาทของเขาไม่ได้มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ทั้งตระกูลตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหลูเต่า และเขามักจะสร้างปัญหาในหมู่บ้าน ภายใต้การควบคุมของเขา ตระกูลบาร์เกอร์ก็ขยายใหญ่โตขึ้นทุกวัน ลำพังแค่พวกยามก็ปาเข้าไป 300 คนแล้ว หลูเต่านั้นเป็นพวกที่อารมณ์ขึ้นได้ง่ายมาก แค่มีคนเผลอไปชนกับม้า เขาก็ถลกหนังครอบครัวทั้งเจ็ดคนจนตายด้วยแส้

“เจ้าหนุ่ม ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าพยายามทุบหินด้วยไข่เลยนะ (แส่หาเรื่องตาย)”

ทุบหินด้วยไข่งั้นหรอ?

ชั้นยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่มันถูกผ้าคลุมไว้ ลุงโบนเลยไม่เห็นมัน

สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปตามที่ชั้นคาดการไว้

ต่อไปก็คือ เราต้องการโอกาส

“ลุงโบน บอกชั้นหน่อยสิว่าหัวหน้าของพวกโจรมีอยู่กี่คน?”

“แค่กแค่ก พอตาแก่อย่างข้านึกถึงมัน ก็ชวนให้สับสนทุกที หัวหน้าใหญ่ของมันชื่อเบเยอร์แมน อายุประมาณ 30 ปี ทั้งร่างเต็มไปด้วยกล้าม แต่มันเคลื่อนไหวเร็วมาก ฆ่าได้โดยไม่กะพริบตา พูดได้เลยว่าไม่มีใครเทียบมันได้ รองลงมาจากมันก็เป็นพวกที่มีฝีมืออีกสี่คน ถ้าให้แยกพวกมันออกมา จ้านจวู่เป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มาร์คเป็นคนที่คอยจุดไฟขนาดใหญ่ ความสามารถของโดฟคือฝึกพวกสัตว์ร้ายให้เชื่องได้ทุกชนิด และข่าฉีมีร่างกายที่แม้แต่ราชาวานรก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งสี่คนนี้จัดได้ว่าเป็นมอนสเตอร์ในคราบมนุษย์เลยล่ะ ถ้าเรารวมลูกน้องที่มีอยู่มากมายของจ้านจวู่เข้าไปด้วย ก็จะประมาทมันไม่ได้เลยล่ะ”

พระเจ้าช่วย….คำพูดลุงโบนฟังดูน่ากลัวชะมัด แม้แต่ชั้นยังกลัวเลย ทำไมมีพวกคนเก่งๆเยอะจังเลยนะ?

ใจเย็นๆเข้าไว้ ใจเย็นๆสิ ชั้นควรจะจัดให้พวก จ้านจวู่ มาร์ค โดฟ และข่าฉี อยู่ในพวก ‘แข็งแกร่ง’ เอ๊ะ เราควรจะยกระดับพวกนั้นขึ้นมาหน่อย จัดให้อยู่ในพวกที่เก่งขึ้นมาเหนือเส้นอีกหน่อยแล้วกัน คงเป็นเรื่องแย่แน่ที่จะประมากศัตรูน่ะ

มอนสเตอร์ในคราบมนุษย์….จากความจริงที่มีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ในระดับนี้ ทำให้ชั้นทรุดตัวลงเล็กน้อย

“ลุง ลุงบอกว่าจ้านจวู่อ่อนแอที่สุดใน 4 คนนั่น แต่มีความทะเยอทะยานสุง นั่นหมายความว่าไงหรอ?”

“จ้านจวู่ถูกเรียกว่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทั้งสี่คนก็จริง แต่ใครๆก็รู้ว่ามันปรารถนาอยากจะได้บัลลังก์ของเบเยอร์แมน มันไม่เชื่อฟังและบิดเบือนคำสั่งของเบเยอร์แมนอยู่ตลอด และมันก็ยังมีลูกน้องที่แข็งแกร่งมากมายเป็นพวก ทำให้เบเยอแมนไม่กล้าที่จะต่อต้านมันสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมันจะยังไม่พอขับไล่เบเยอร์แมนออกไปได้ มันจึงเก็บความแข็งแกร่งนั้นไว้ก่อน”

“ฝั่งพวกโจรเองก็ไม่ได้สงบสุขนักสินะ”

ชั้นพึมพำออกมา

ลุงโบนถอนหายใจ

“แค่ก ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะชนะ พวกมันก็ยังจะขูดรีดประชาชนหนักอยู่อยู่ดี”

ชั้นถามเรื่องจำนวนของพวกโจรเพิ่ม และได้รายละเอียดของพวกมันมามากมาย

ตอนที่ชั้นออกมาจากบ้านของลุงโบน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว บ้านส่วนใหญ่ได้ดับไฟหมดแล้ว ชั้นคิดว่ามันเป็นการป้องกันไม่ให้พวกโจรก่อความวุ่นวาย แต่ในความเป็นจริง ชั้นพบว่ามันไม่ได้มีผลมากนัก ในระยะนี้ มีคนถือคบไฟไล่เคาะประตูและทุบหน้าต่างอยู่

ชั้นเดินไปทางโรงแรมอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้ว ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่พวกพ่อค้าพักอยู่ ทำให้มันปลอดภัยกว่ามาก

ไม่นานนักก็มีชายร่างใหญ่มาขวางทางชั้นไว้

“หยุดก่อน นี่แกกำลังทำอะไร!?”

“ขอโทษที ชั้นเป็นพ่อค้าน่ะ ชั้นแค่อยากออกมาดูวิวตอนกลางคืน”

ชั้นวางเหรียญเงินลงบนมือเขา ทันใดนั้นเขาก็ยกคิ้วขึ้นอย่างสบายๆ และดวงตาก็หยีแบบยิ้มๆ

“แกฉลาดดีนี่ กลับไปซะ! ที่นี่ไม่มีอะไรดีๆให้ดูหรอก ถ้าหัวหน้าจ้านจวู่ของเรามาเจอแกเข้า เขาคงไม่ยินดีแน่ๆ ไปซะ ชิ่ว!”

อืม หัวหน้าจ้านจวู่งั้นหรอ

ชั้นหันหลังกลับ และเตรียมจะเดินกลับไปที่โรงแรม ทันใดนั้นก็ปรากฏแผนขึ้นมาในใจชั้น

ชั้นแตะกระเป๋าตัวเอง ยืนยันว่าสร้อยคอของคุณวิญญาณยังปลอดภัยดี

ชั้นเข้าหาเจ้าโง่นั่นจากข้างหลังและสะกิดไหล่มัน

“หา? ทำไมแกยังอยู่นี่อีก? ข้าไม่ได้บอกให้ไปซะรึไง? ไปไกลๆซะ”

“โทษที โทษที”

ชั้นยิ้มอย่างสุภาพและเป็นมิตร

หมัดพุ่งเข้าใส่จมูกของหมอนั่น

ชั้นไม่รู้หรอกว่ามันแรงแค่ไหน แต่ใบหน้าของเขาเกือบจะบุบเข้าไป

อะไรกันเนี่ย เขาดูแข็งแกร่งแต่จริงๆแล้วอ่อนแอขนาดนี้เลยหรอ? สมกับเป็นพวกลูกกระจ๊อกจริงๆ

“นายทำอะไร…?”

คุณวิญญาณกระซิบเข้ามาในหูชั้น

เจ้าตัวใหญ่นั่นชักดาบเหล็กออกมาและฟันใส่ชั้น งานชิ้นนี้มันแย่มากๆ การใช้ก้อนเหล็กพังๆนั่นฟันใส่ชั้น ที่เป็นพ่อค้าอาวุธพิเศษนี่มันเป็นการดูถูกกันเกินไปแล้ว กลับไปฝึกฝนมาใหม่ซะ

ชั้นเหวี่ยงกำปั้น และใช้แค่แรงลมก็สามารถเบี่ยงดาบออกไปได้

ชั้นยัดส้นเท้าเข้าไปที่ท้องของหมอนั่น และเขาก็กลิ้งไปชนกำแพงในทันทีทันใด

“บอกหัวหน้าจ้านจวู่ของแกซะ ชั้นจะรอเขาอยู่ที่นี่ ถ้าเขากล้าพอ ก็ออกมาพบชั้นซะสิ”

“ดะ-ได้! รอข้าไว้ได้เลย!”

หมอนั่นวิ่งออกไปพร้อมกับกุมจมูกที่มีเลือดไหลออกมา

เอาล่ะ บทและตัวละครก็ถูกจัดไว้หมดแล้ว

เริ่มการแสดงได้

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 23 ตาลุงกับโจร(1)

ตาลุงกับโจร (1)
ลุงโบนพูดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ชั้นเห็นภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด

เมื่อนาน นานมาแล้ว….ที่จริงก็ไม่ได้นานหรอก แค่เป็นเรื่องที่ผ่านมาสักพักแล้ว

มันมีปีศาจที่อาศัยอยู่ในป่าใกล้ๆ ออกมาโจมตีหมู่บ้านอย่างผิดปกติ ปรากฏตัวและหายไปราวกับภูติผี แม้แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนก็จนปัญญา

ครั้งแรกที่ปีศาจมันโจมตีหมู่บ้าน มันฆ่าคนไป 700 คน และยิ่งเวลาผ่านไปมันก็กลายเป็นการสังหารหมู่ หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘นักรบของประชาชน’ พวกนั้นส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนออกไป และทำการขับไล่เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้น

ตอนแรกพวกชาวเมืองก็ฉลองกับชัยชนะ แต่ผ่านไปสักพักพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

กลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่คนดี พวกนั้นไม่ใช่คนที่กล้าหาญหรือวีรบุรุษอะไรแบบนั้น พวกนั้นเป็นแค่พวกคนร้ายที่ชาญฉลาด

พวกนั้นสมรู้ร่วมคิดกับคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมือง พวกขุนนาง ขูดรีดเงินจากประชาชน เบื้องหลังเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเล็กๆนี่ เป็นกลุ่มคนงานที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความหนาวเย็นและหิวโหย คอยเลี้ยงปากท้องให้แก่เจ้าพวกที่เก็บเกี่ยวโดยที่ไม่ได้ลงมือหว่านเมล็ด ถึงมันจะดูมีชีวิตชีวา ที่จริงแล้วมันมืดมนมาก

ยิ่งไปกว่านั้นคือ มีชาวเมืองบางคนพยายามจะต่อต้าน แต่ก็แทบจะไร้ผล พวกเขาคิดที่จะให้เมืองนี้ได้ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด และมีคนที่จะไปรายงานเรื่องนี้ต่อพวกคณะปกครอง แต่ขุนนางพวกนั้นที่ครอบครองเงินสกปรกไว้ คอยกดเรื่องให้เงียบ และผู้ที่ให้ข้อมูลก็ถูกฆ่าทิ้งอย่างไร้ความปราณี

มันมีบางครั้งที่อดออยากจนกระทั่งไม่มีอาหารจะกิน ทำให้ทั้งเมืองเริ่มลุกฮือต่อต้าน แต่โจรพวกนั้นมันก็แข็งแกร่งมาก ยิ่งกว่านั้น ปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ทำให้ชาวเมืองบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ทำได้แค่ต้องเชื่อฟังคำสั่งพวกโจรเท่านั้น

ถึงแต่เดิมแล้วชั้นจะคิดว่าปัญหานี้มันคงไม่ใช่ง่ายๆแน่ แต่ชั้นก็ไม่ได้คิดว่าพวกเจ้าหน้าที่กับโจรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันมากขนาดนี้ แม้แต่การปรากฏตัวของปีศาจที่ทำให้การลุกฮือต่อต้านไม่สำเร็จ พวกนั้นทำให้เกิดกลุ่มทาสหญิงที่เฝ้ารอคอยความตาย และผู้คนที่ได้แต่คร่ำครวญกับโชคชะตาของตน

“พูดมากไปซะแล้วสิ แล้วเจ้าเป็นใครกันล่ะนี่?”

โฮ่ ลุงโบน คุณนี่ช่างแข็งแกร่งและกล้าหาญจริงๆ

“พ่อค้าเร่น่ะ ยังไงก็เถอะ เพื่อนชั้นเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนน่ะ”

“เจ้ากำลังโกหกข้าอยู่ แค่มองครั้งเดียวข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นช่างตีเหล็ก ค่อนข้างเชี่ยวชาญซะด้วย ตาแก่คนนี้เทียบไม่ติดเลย”

ลุงโบนมีสัญชาตญาณที่ดี สายตาที่จ้องออกมาจากดวงตาของเขานั้นช่างรวดเร็วและรุนแรง

คนๆนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เขาจะไม่ยอมตายแน่ๆ

เป็นคนที่เคี้ยวยากเอาการ

ชั้นเตรียมตัวบอกลาตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรง
“เฮ้! ตาแก่! ออกมานี่ซะดีๆ!”

ลุงโบนย่อตัวลงในกล่อง ส่งสัญญาณไม่ให้ชั้นเปิดประตู

“ถ้าแกไม่จ่ายล่ะก็ ครั้งหน้าชั้นจะแทงแกให้ตายเลย”

ปึงปึงปึง ปึงปึงปึง

น่ารำคาญชะมัด

ชั้นเปิดประตูออกไป ตรงทางเข้ามีพวกอันธพาลอยู่สามคน แต่ละคนแลดูหน้าโง่ๆ มีร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้าม ผมที่ยุ่งเหยิง และดาบเหล็ก
“อ๊ะ? หมอนี่เป็นใครกัน?”

“ขอโทษที ชั้นเป็นพ่อค้าเร่น่ะ อยากจะมาเช็คอุปกรณ์สักหน่อย แต่เจ้าของที่นี่ดันไม่อยู่ซะงั้น”

พวกนั้นเปลี่ยนท่าทางทันที

เมืองนี้เป็นสถานที่ที่พวกพ่อค้ามีความสำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีพวกพ่อค้ามาที่นี่ เมืองนี้ก็คงเป็นเหมือนสระน้ำที่แห้งเหี่ยว และคงไม่มีเงินให้เก็บ

เพราะแบบนี้ทำให้พวกเขาสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนกับพวกพ่อค้า กระทั่งภาษีเองก็ยังต่ำ ถึงแม้จะเป็นพวกโจร พวกนั้นก็คงถูกสั่งมาไม่ให้ทำร้ายพวกพ่อค้าเร่ มันเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสะดวกซะจริงๆเลยนะ

“โอ้ พ่อค้าเร่ พวกข้าต้องขอโทษจริงๆ แต่ช่วยเปิดหน้าให้ดูหน่อยได้มั้ย?”

ชั้นส่งเหรียญเงินสามเหรียญใส่มือของหัวหน้าพวกมัน

“ชั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ พอดีหน้าชั้นถูกหมาป่าข่วนมา การไม่เปิดเผยมันคงจะดีกว่า ชั้นขอให้ช่วยเข้าใจด้วย ตาแก่คนนั้นเป็นลูกค้าเก่าของชั้น ถ้าเขาติดเงินพวกนาย งั้นชั้นก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ชั้นไม่รู้ว่าเท่านี้จะพอรึเปล่า?”

ทันใดนั้นเจ้าหมอนั่นก็เสยผมและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า พอแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย นี่แหละพ่อค้า เจ้านี่ตรงไปตรงมาดีจริงๆ พวกเรา! ไปกันเถอะ!”

หมอนั่นเอาเหรียญเงินโยนใส่กระเป๋าด้านหลัง ขณะที่อีกสองเหรียญที่เหลือเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง

ลุงโบนคลานออกมาจากกล่อง

“เด็กหนุ่มสมัยนี้รู้วิธีปฏิบัติตัวดีทีเดียว”

ชั้นปิดประตูไม้ลง

“อย่างที่ลุงพูด ชั้นเป็นช่างตีเหล็ก แต่ตอนนี้เป็นพ่อค้าเร่ ชั้นต้องคิดถึงราคาสินค้า ลุงให้ข้อมูลดีๆกับชั้น จ่ายรางวัลให้นิดหน่อยไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“หึ ข้อมูลอะไรกัน ยังไงก็เถอะ เจ้าต้องระวังตัวนะ ถึงเจ้าหน้าที่สืบสวนจะรู้เรื่องนี้ก็เถอะ พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพื่อนของเจ้าคงจะทำเป็นมองไม่เห็นแน่ๆ”

ในใจชั้นหัวเราะออกมาอย่างดัง แต่ชั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ลุง เจ้าสัตว์เวทย์นั่น มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?”

“พระเจ้าช่วย เจ้าสิ่งนั้นมันน่ากลัวมาก นอกซะจากพวกนักผจญภัยจะส่งคนมา ไม่มีทางที่จะจัดการมันได้! ถ้าเจ้าราชาหมาป่าที่ฆ่าคนในป่าไปมากมายมาเห็นเจ้านั่นล่ะก็ มันคงจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไปแน่ๆ”

ไม่มีทางที่จะรู้ระดับความแข็งแกร่งของมันได้เลยรึไงกัน? ชั้นว่าเจ้าหมาป่านั่นเองก็คงวิ่งหนีหางจุกตูดเหมือนกันถ้ามันมาเห็นชั้นตอนนี้

ช่างมันเถอะ ชั้นก็แค่จัดการกับมันเหมือนที่มัน “แข็งแกร่งสุดๆ”

“อีกเรื่องนะลุง ชั้นอยากให้ลุงดูดาบชั้นหน่อย”

ชั้นหยิบดาบเงินสั้นๆออกมาจากผ้าคลุม

สายตาของลุงโบนเปล่งประกาย

“โอ้!! สายตาของตาแก่อย่างข้ามองไม่ผิดไปจริงๆ เจ้าเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกาจมาก”

อย่างที่ชั้นเคยพูดไป ลุงโบนก็กล่าวออกมาว่า

“แต่มันยังขาดการควบคุมในเรื่องของความร้อนอยู่ ดาบของเจ้าไม่ได้ถูกตีขึ้นมาด้วยค้อน เหมือนกับว่ามันถูกอัดแน่นเข้ามามากกว่า”

“ใช่แล้ว มันเป็นเพราะสกิลน่ะ ชั้นไม่จำเป็นต้องหลอมมัน แต่สิ่งที่มันขาดไปในแง่ไหนล่ะ?”

ลุงส่งดาบคืนให้ชั้นอย่างระมัดระวัง

“ตาแก่อย่างข้าบอกไม่ได้หรอก เพราะข้าไม่เคยทำมีดออกมาได้ดีแบบนี้เลย แต่ข้าบอกได้อย่างนึง การหลอมนั้นไม่ใช่แค่เอาสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ออกไป มันยังมีจุดประสงค์อื่นอีก มันเป็นเรื่องที่เจ้าต้องเข้าใจด้วยตัวเอง”

ชั้นเงยหน้าขึ้นมาดูเวลา และมันก็เที่ยงแล้ว มันยังไม่สายที่ชั้นจะกลับไปที่หาคาโลน่าที่โรงแรม

“นั่นเป็นคำแนะนำที่เยี่ยมไปเลย ลุงโบน ถ้าชั้นฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาให้เมืองนี้ได้ล่ะก็ ลุงต้องบอกชั้นถึงความหมายที่ลึกซึ้งของการหลอมนะ และต้องเหตุผลด้วยว่าทำไมลุงถึงไม่ทำอาวุธน่ะ”

ลุงโบนพยักหน้า

“ตกลง ข้าสามารถทำเรื่องนั้นได้ แต่ข้าต้องขอให้เจ้าออกไปจากเมืองนี้ทันที ไม่ใช่แค่สัตว์เวทย์ แต่พวกหัวโจกของกลุ่มโจรเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน โดยเฉพาะผู้นำของมัน เบลแมน ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง มันยังโหดเหี้ยมและไร้ความปราณี และมีพละกำลังที่ไร้คู่ต่อกร แค่หมัดเดียวก็สามารถทำลายหินได้”

ไม่มีอะไรที่เจ๋งกว่านี้ให้เปรียบเทียบแล้วหรอ? หมัดชั้นก็ทำลายหินได้เหมือนกันนะ ถ้าเป็นแบบนี้ ชั้นก็ไม่รู้สิว่าใครแข็งแกร่งกว่า

อย่างไรก็ตาม เจ้าสัตว์เวทย์นั่นต้องเป็นตัวอะไรที่พวกนั้นฝึกให้เชื่องแน่ๆ ในเมื่อพวกนั้นมันแข็งแกร่ง ชั้นก็จะตัดสินให้พวกนั้นเป็นประเภท ‘แข็งแกร่งสุดๆ’ ไว้ก่อนก็แล้วกัน

“มีอะไรจะต้องกลัวล่ะ? เจ้าหน้าที่สืบสวนของเราเป็นที่หนึ่งของชั้นปีเลยนะ”

ถึงประสบการณ์เธอจะยังไม่พอก็เถอะ ความแข็งแกร่งของเธอก็ไม่สามารถมองข้ามไปได้ง่ายๆ


นอกจากพวกโจรแล้ว ชั้นต้องคิดหาทางรับมือกับพวกขุนนางไว้ด้วยสิ