วันพุธ, กรกฎาคม 19, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 24 ตาลุงกับโจร(2)

ตาลุงกับโจร(2)

ตอนที่ชั้นกลับมาที่โรงแรม ชั้นก็พบว่าคุณวิญญาณ คาโลน่า และอีแลนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

ชั้นถอดชุดแล้วก็นอนลงบนเตียง สูดหายใจลึกๆ

“มาสเตอร์ เจออะไรบ้างรึเปล่าคะ?”

“ใช่ ชั้นรู้ต้นสายปลายเหตุของปัญหาแล้ว”

ชั้นเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากโบนให้ทุกคนฟัง

“เป็นพวกที่น่าขยะแขยงจริงๆ”

อีแลนพูดออกมาด้วยความหดหู่

“สมกับเป็นมาสเตอร์เลยค่ะ แม้แต่ตรงส่วนนั้นก็ยังใหญ่เป็นพิเศษ”

“อะไรนะ ไอ้ตรงส่วนนั้นนี่คืออะไร?”

คาโลน่าพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“ความกล้าค่ะ”

อย่างที่คิดไว้ มันไม่ควรจะเป็นอะไรที่ชั้นคาดหวั… ชั้นไม่ได้คาดหวังอะไรไว้สักหน่อย!!

มีแต่คุณวิญญาณที่ก้มหัวลงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

ชั้นไม่ได้ถามอะไรเธอและพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่า

“ดูเหมือนโจรพวกนี้จะวิ่งพล่านไปทั่วตอนกลางคืน คุณวิญญาณ จะมาช่วยชั้นตรวจสอบร่องรอยหน่อยได้มั้ย?”

“แล้วชั้นล่ะคะ?”

คาโลน่าถามขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

“คาโลน่าจะต้องอยู่เฝ้าโรงแรมเพื่อปกป้องอีแลนกับเจ้าขนปุย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้ยิงเวทย์แสงและเงาขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเรียกชั้นนะ”

คาโลน่าไม่ค่อยพอใจกับหน้าที่นี้ แต่เธอก็ฟังแผนของชั้นอย่างเงียบๆ

ในช่วงบ่าย ชั้นพาคุณวิญญาณไปด้วยกันตามถนน

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครมองเห็นคุณวิญญาณ รวมถึงตัวชั้นด้วย แต่ชั้นเอาสร้อยคอของเธอพกติดตัวมาด้วย เพราะงั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าเธอจะพลัดหลงไปจากชั้น

ตามที่คุณวิญญาณบอก สร้อยคอเส้นนี้เต็มไปด้วยจิตนึกคิดที่แข็งแกร่งของเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของสร้อยคอนี้อยู่ตลอดเวลา

เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของเมืองนี้ เราจะต้องเข้าใจเรื่องต่างๆของพวกขุนนางก่อน

จากการที่พวกผู้ปกครองยอมรับสินบนและปล่อยให้พวกโจรเข้ามากดขี่ข่มเหงประชาชน พวกนั้นจะต้องเป็นคนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เหมือนกับเมฆหมอกและฝน (ตามอำเภอใจ) และเป็นคนที่หยิ่งทะนงพอสมควร

คนประเภทนี้มักคิดว่าความเพียรพยายามเป็นเรื่องที่ไร้ค่า การที่จะจับคนแบบนี้ได้คนข้างที่จะยุ่งยากนิดหน่อย แต่คนพวกนี้มักจะมีจุดอ่อนเหมือนๆกัน

ความทระนงตนและขี้อิจฉาอย่างสุดขีด

ตอนที่คนพวกนี้เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองแล้ว พวกเขาก็จะไม่ฟังคำแนะนำจากใครทั้งนั้น ต่อให้มีฟ้าผ่าลงมาใส่พวกเขาก็ตาม พวกเขาจะยังยืนหยัดในความคิดของตนเอง พวกเขามักจะมีอำนาจอยู่ในมือเสมอ และคนอื่นๆทั้งหมดทั้งมวลเป็นแค่ตัวหมากในกระดานของพวกเขา เก็บตัวที่ใช้ประโยชน์ได้ไว้ และโยนพวกที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไป โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องความรู้สึกของคนเลย พวกเผด็จการแบบนี้สามารถพบเจอได้แม้แต่ในระดับจักรพรรดิ มักจะมีคนแบบนี้อยู่เสมอไม่ขาด

นี่เป็นโอกาส แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ

ชั้นพาคุณวิญญาณไปพบลุงโบนอีกครั้งเพื่อที่จะได้เข้าใจสถานการณ์มากกว่านี้

ผู้นำของตระกูลขุนนางบาร์เกอร์คือ หลูเต่า บาร์เกอร์ อายุ 54 ปี มีภรรยา 26 คน เขามีบุตรชายหกคนภายใต้ปกครองที่รอจะได้รับมรดกของตระกูล แต่ตอนนี้ทายาทของเขาไม่ได้มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ทั้งตระกูลตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหลูเต่า และเขามักจะสร้างปัญหาในหมู่บ้าน ภายใต้การควบคุมของเขา ตระกูลบาร์เกอร์ก็ขยายใหญ่โตขึ้นทุกวัน ลำพังแค่พวกยามก็ปาเข้าไป 300 คนแล้ว หลูเต่านั้นเป็นพวกที่อารมณ์ขึ้นได้ง่ายมาก แค่มีคนเผลอไปชนกับม้า เขาก็ถลกหนังครอบครัวทั้งเจ็ดคนจนตายด้วยแส้

“เจ้าหนุ่ม ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าพยายามทุบหินด้วยไข่เลยนะ (แส่หาเรื่องตาย)”

ทุบหินด้วยไข่งั้นหรอ?

ชั้นยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่มันถูกผ้าคลุมไว้ ลุงโบนเลยไม่เห็นมัน

สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปตามที่ชั้นคาดการไว้

ต่อไปก็คือ เราต้องการโอกาส

“ลุงโบน บอกชั้นหน่อยสิว่าหัวหน้าของพวกโจรมีอยู่กี่คน?”

“แค่กแค่ก พอตาแก่อย่างข้านึกถึงมัน ก็ชวนให้สับสนทุกที หัวหน้าใหญ่ของมันชื่อเบเยอร์แมน อายุประมาณ 30 ปี ทั้งร่างเต็มไปด้วยกล้าม แต่มันเคลื่อนไหวเร็วมาก ฆ่าได้โดยไม่กะพริบตา พูดได้เลยว่าไม่มีใครเทียบมันได้ รองลงมาจากมันก็เป็นพวกที่มีฝีมืออีกสี่คน ถ้าให้แยกพวกมันออกมา จ้านจวู่เป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มาร์คเป็นคนที่คอยจุดไฟขนาดใหญ่ ความสามารถของโดฟคือฝึกพวกสัตว์ร้ายให้เชื่องได้ทุกชนิด และข่าฉีมีร่างกายที่แม้แต่ราชาวานรก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งสี่คนนี้จัดได้ว่าเป็นมอนสเตอร์ในคราบมนุษย์เลยล่ะ ถ้าเรารวมลูกน้องที่มีอยู่มากมายของจ้านจวู่เข้าไปด้วย ก็จะประมาทมันไม่ได้เลยล่ะ”

พระเจ้าช่วย….คำพูดลุงโบนฟังดูน่ากลัวชะมัด แม้แต่ชั้นยังกลัวเลย ทำไมมีพวกคนเก่งๆเยอะจังเลยนะ?

ใจเย็นๆเข้าไว้ ใจเย็นๆสิ ชั้นควรจะจัดให้พวก จ้านจวู่ มาร์ค โดฟ และข่าฉี อยู่ในพวก ‘แข็งแกร่ง’ เอ๊ะ เราควรจะยกระดับพวกนั้นขึ้นมาหน่อย จัดให้อยู่ในพวกที่เก่งขึ้นมาเหนือเส้นอีกหน่อยแล้วกัน คงเป็นเรื่องแย่แน่ที่จะประมากศัตรูน่ะ

มอนสเตอร์ในคราบมนุษย์….จากความจริงที่มีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ในระดับนี้ ทำให้ชั้นทรุดตัวลงเล็กน้อย

“ลุง ลุงบอกว่าจ้านจวู่อ่อนแอที่สุดใน 4 คนนั่น แต่มีความทะเยอทะยานสุง นั่นหมายความว่าไงหรอ?”

“จ้านจวู่ถูกเรียกว่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทั้งสี่คนก็จริง แต่ใครๆก็รู้ว่ามันปรารถนาอยากจะได้บัลลังก์ของเบเยอร์แมน มันไม่เชื่อฟังและบิดเบือนคำสั่งของเบเยอร์แมนอยู่ตลอด และมันก็ยังมีลูกน้องที่แข็งแกร่งมากมายเป็นพวก ทำให้เบเยอแมนไม่กล้าที่จะต่อต้านมันสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมันจะยังไม่พอขับไล่เบเยอร์แมนออกไปได้ มันจึงเก็บความแข็งแกร่งนั้นไว้ก่อน”

“ฝั่งพวกโจรเองก็ไม่ได้สงบสุขนักสินะ”

ชั้นพึมพำออกมา

ลุงโบนถอนหายใจ

“แค่ก ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะชนะ พวกมันก็ยังจะขูดรีดประชาชนหนักอยู่อยู่ดี”

ชั้นถามเรื่องจำนวนของพวกโจรเพิ่ม และได้รายละเอียดของพวกมันมามากมาย

ตอนที่ชั้นออกมาจากบ้านของลุงโบน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว บ้านส่วนใหญ่ได้ดับไฟหมดแล้ว ชั้นคิดว่ามันเป็นการป้องกันไม่ให้พวกโจรก่อความวุ่นวาย แต่ในความเป็นจริง ชั้นพบว่ามันไม่ได้มีผลมากนัก ในระยะนี้ มีคนถือคบไฟไล่เคาะประตูและทุบหน้าต่างอยู่

ชั้นเดินไปทางโรงแรมอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้ว ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่พวกพ่อค้าพักอยู่ ทำให้มันปลอดภัยกว่ามาก

ไม่นานนักก็มีชายร่างใหญ่มาขวางทางชั้นไว้

“หยุดก่อน นี่แกกำลังทำอะไร!?”

“ขอโทษที ชั้นเป็นพ่อค้าน่ะ ชั้นแค่อยากออกมาดูวิวตอนกลางคืน”

ชั้นวางเหรียญเงินลงบนมือเขา ทันใดนั้นเขาก็ยกคิ้วขึ้นอย่างสบายๆ และดวงตาก็หยีแบบยิ้มๆ

“แกฉลาดดีนี่ กลับไปซะ! ที่นี่ไม่มีอะไรดีๆให้ดูหรอก ถ้าหัวหน้าจ้านจวู่ของเรามาเจอแกเข้า เขาคงไม่ยินดีแน่ๆ ไปซะ ชิ่ว!”

อืม หัวหน้าจ้านจวู่งั้นหรอ

ชั้นหันหลังกลับ และเตรียมจะเดินกลับไปที่โรงแรม ทันใดนั้นก็ปรากฏแผนขึ้นมาในใจชั้น

ชั้นแตะกระเป๋าตัวเอง ยืนยันว่าสร้อยคอของคุณวิญญาณยังปลอดภัยดี

ชั้นเข้าหาเจ้าโง่นั่นจากข้างหลังและสะกิดไหล่มัน

“หา? ทำไมแกยังอยู่นี่อีก? ข้าไม่ได้บอกให้ไปซะรึไง? ไปไกลๆซะ”

“โทษที โทษที”

ชั้นยิ้มอย่างสุภาพและเป็นมิตร

หมัดพุ่งเข้าใส่จมูกของหมอนั่น

ชั้นไม่รู้หรอกว่ามันแรงแค่ไหน แต่ใบหน้าของเขาเกือบจะบุบเข้าไป

อะไรกันเนี่ย เขาดูแข็งแกร่งแต่จริงๆแล้วอ่อนแอขนาดนี้เลยหรอ? สมกับเป็นพวกลูกกระจ๊อกจริงๆ

“นายทำอะไร…?”

คุณวิญญาณกระซิบเข้ามาในหูชั้น

เจ้าตัวใหญ่นั่นชักดาบเหล็กออกมาและฟันใส่ชั้น งานชิ้นนี้มันแย่มากๆ การใช้ก้อนเหล็กพังๆนั่นฟันใส่ชั้น ที่เป็นพ่อค้าอาวุธพิเศษนี่มันเป็นการดูถูกกันเกินไปแล้ว กลับไปฝึกฝนมาใหม่ซะ

ชั้นเหวี่ยงกำปั้น และใช้แค่แรงลมก็สามารถเบี่ยงดาบออกไปได้

ชั้นยัดส้นเท้าเข้าไปที่ท้องของหมอนั่น และเขาก็กลิ้งไปชนกำแพงในทันทีทันใด

“บอกหัวหน้าจ้านจวู่ของแกซะ ชั้นจะรอเขาอยู่ที่นี่ ถ้าเขากล้าพอ ก็ออกมาพบชั้นซะสิ”

“ดะ-ได้! รอข้าไว้ได้เลย!”

หมอนั่นวิ่งออกไปพร้อมกับกุมจมูกที่มีเลือดไหลออกมา

เอาล่ะ บทและตัวละครก็ถูกจัดไว้หมดแล้ว

เริ่มการแสดงได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก