วันจันทร์, มิถุนายน 12, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 22 ตาลุงกับเมืองใหม่

Chapter 22 : ตาลุงกับเมืองใหม่
เมืองดัวฟาเป็นที่ที่เจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ชั้นที่ใช้เวลาเป็นปีๆหมกตัวอยู่แต่ในหมู่บ้าน ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องออกมา
หมู่บ้านของเรามีพื้นที่นิดเดียว และจำนวนประชากรเองก็น้อยกว่าเมื่อเทียบกับที่นี่ บ้านส่วนใหญ่ก็มุงหลังคาด้วยไม้
และสำหรับตลาดค้าขาย ก็ไม่มีอะไรให้คาดหวังมากนัก บางครั้งจะมีพ่อค้าที่เดินทางผ่านมาเพื่อจายสินค้าของเขา มันจะเป็นเศรษฐกิจพอเพียงเล็กๆแบบนี้เสมอ
ถึงที่นี่จะไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่จนถึงขนาดคนที่มีคนหลั่งไหลเข้ามามากมาย แต่ก็ยังมีฝูงคนจำนวนมากอยู่ดี ถ้ามองไปตามถนน คุณก็จะเห็นร้านขายผักผลไม้ ร้านขายของชำที่ค่อนข้างเสียงดัง ทั้งสองฝั่งประกอบไปด้วยบ้านหิน กำแพงที่ประกอบด้วยหินสีแดงและเหลืองร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ทุกๆอย่างดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่สูญเสียสเน่ห์ของมันไปจากความเรียบง่าย ที่ไร้ของตกแต่ง
รถของพ่อค้านักเดินทางเองก็มีอยู่เต็มไปหมด
สิ่งเดียวที่ทำให้ชั้นไม่สบอารมณ์ก็คือคนที่นี่
ทุกๆคนดูมืดมน และเอาแต่ใช้รอยยิ้มแบบพ่อค้าใส่กัน
คุณจะไม่มีทางได้ยินเสียงของเด็กหัวเราะหรือเสียงของเพื่อนคุยกันได้เลย
ถ้าพูดแบบในนรกของดันเต้ล่ะก็ คงจะเป็น พวกเขากำลังเฝ้ามองการต่อสู้ของเหล่าคนบาปอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่โยนเชือกไปให้พวกนั้น ตอนที่เราเดินผ่านเมืองเล็กๆไป ชั้นรู้สึกเหมือนเรากำลังเข้าไปสู่นรก
นรกที่สวมหนังของสวรรค์อยู่ ถ้าชั้นเลือกได้ล่ะก็ ชั้นจะไม่อาศัยอยู่ในเมืองดัวฟานี่แน่นอน ชั้นอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขในหมู่บ้านมือใหม่มากกว่า
แค่มองการแสดงออกของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ชั้นก็สามารถเข้าใจมันประมาณ 70% - 80% เลย อย่างที่คาโลน่าพูด พวกเขากำลังถูกควบคุมโดยแรงกดดันอะไรบางอย่าง
ถ้าชั้นเจอเรื่องพวกนี้คนเดียวล่ะก็ ชั้นคงไม่ช่วยพวกนี้แน่ๆ แต่ในเมื่อคาโลน่าคอยดูอยู่ ชั้นเลยต้องทำตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นชั้นยังต้องตามเรื่องของมาดมัวแซลวิญญาณนี่อีก
(เปลี่ยน miss วิญญาณเป็น มาดมัวแซลนะครับ *อาจจะสลับไปสลับมา)
ชั้นถอนหายใจ ยิ่งแผนการนี้ซับซ้อนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีโอกาสเกิดอุปสรรคมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นชั้นจึงวางแผนใหญ่ๆไม่ได้
ตอนนี้ ชั้นแต่งตัวเหมือนนักผจญภัยที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆแขนขาทั้งสี่ข้าง มีเสื้อคลุมยาวคลุมอยู่ทั้งตัวชั้น แล้วชั้นก็ยังพันหัวด้วยผ้าพันคอ โดยมีแค่ตาโผล่ออกมาเท่านั้น
เหตุผลที่ชั้นทำแบบนี้ก็คือ อย่างแรกจะได้ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก อย่างที่สองเพื่อปกปิดรูปร่างของชั้น สำหรับคนที่มีพลังในการสังเกตุการณ์เก่งๆ ถึงพวกนั้นจะมองไม่เห็นหน้า แต่ก็สามารถระบุตัวคนได้จากรูปร่าง
แต่ก่อนอื่นเลย ชั้นควรจะไปขายผักของชั้นก่อน
ชั้นเลือกร้านขายผักแบบสุ่มๆ ข้างในนั้นมีชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปี เขาต้อนรับชั้นด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มแบบนั้นมันดูปลอมมาก แต่ชั้นก็อดทนคุยกับเขา
ในเมื่อเป้าหมายของชั้นคือหาข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นราคาของผักที่ขายจึงไม่สำคัญ ชั้นถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ผักนี่ดูไม่ค่อยสดเท่าไหร่”
“แต่มันเป็นของคุณภาพดีเลยนะ ถ้าไม่เชื่อชั้นก็ลองชิมดู ของๆนายเองก็ดีใช้ได้เลย เอามาจากพวกพ่อค้าเดินทางงั้นหรอ?”
“ได้เลย….รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว อ่า ใช่ มีพวกพ่อค้ามาที่นี่บ่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นเจ้าน่ะ”
เขามองชั้นด้วยความสงสัย
“นั่นก็จริง ชั้นเป็นพ่อค้าหน้าใหม่น่ะ ชั้นเพิ่งลัดป่ามาแล้วก็ถูกพวกหมาป่าโจมตี แผลที่หน้ามันค่อนข้างแย่เลย ทำให้ชั้นไม่สามารถเปิดเผยให้คนเห็นได้”
“สวรรค์ ดีแล้วที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าราชาหมาป่านั่น ใครจะรู้ว่ามีกี่คนที่ถูกมันฆ่าไปแล้ว”
“ขอบคุณมาก แต่มันคงแค่ชั้นโชคดีเท่านั้นล่ะ อ๊ะ ลุง เสื้อลุงค่อนข้างบางเลยนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ชายวัยกลางคนวางผักของชั้นลงไป และหันมาตอบชั้น
“ข้าไม่เป็นไร ยิ่งแก่ก็ยิ่งมีภูมิต้านทานน่ะ”
ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้สึกถึงหนาวหรอก ในเมื่อเมื่อเขาใส่แค่เสื้อกล้ามกับเสื้อเชิ้ตบางๆ
ตอนที่ชั่งน้ำหนักผักเขาพยายามจะซ่อนมันนิดหน่อย เทคนิคของเขาไม่เลวเลย แต่มันยังไม่พอสำหรับชั้นหรอก
ชั้นแกล้งทำหน้าเป็นคนที่ยังไม่รู้จักโลกดี
ชั้นเห็นว่าในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่น และก็ถลึงตาขึ้นมาทันที
“ลุง รู้เรื่องโจรในเมืองนี้รึเปล่า?”
“จ-โจรหรอ? ข้าไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อนเลย”
ใช้คำพูดปฏิเสธสองอันในเวลาเดียวกัน
“นี่ไม่ใช่การถามนะ นี่คือการข่มขู่ ลุงอยากจะให้พวกพ่อค้ามาที่นี่อยู่รึเปล่าล่ะ? ถ้าลุงพูดแบบนั้นบางทีคงต้องมีการเก็บค่าคุ้มครองล่ะนะ”
การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นหยุดชะงัก
“ถ้าลุงพูดล่ะก็ ชั้นจะไม่ต่อราคาค่าผักพวกนี้ และถ้าทำให้ชั้นอารมณ์ดี ชั้นจะให้ลุงฟรีๆเลย”
เห็นได้ชัดนี่ค่อนข้างล่อตาล่อใจมาก แต่มันยังมีบางอย่างที่ทำให้เขาสงบใจได้อยู่
ชั้นเผยไพ่ในมือไปแล้ว ตอนนี้คือเวลาที่จะดูว่าเขาจะตอบสนองยังไง
เขาลังเลอยู่ครู่นึง และส่ายหัว ทันใดนั้นประตูด้านข้างร้านก็เปิดออกและมีเด็กผู้ชายตัวเล็กผอมกะหร่องดูขี้โรคเดินออกมา เขามองมาที่ชั้นอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“เราไม่มีเงิน...ฆ่าผมเลย ได้โปรด อย่าทำร้ายพ่อนะ”
เขาพูดอย่างระมัดระวัง
“เจ้าโง่! อย่าพูดอะไรบ้าๆ!”
มันสายเกินไป
ชั้นจ้องชายคนนั้นอย่างละเอียด หน้าเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขามองไปที่เพดานลังเลอยู่สักพัก และพูดออกมา
“ข้าก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดี แต่เจ้าสามารถไปหาโบนที่ร้านตีเหล็กได้ เขาจะบอกเจ้าเอง”
ชั้นพยักหน้า นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว
“เข้าใจแล้ว ชั้นจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แล้วชั้นก็จะให้ผักพวกนี้ฟรีๆด้วย”
“เป็นไปได้อย่…..”
ชั้นออกมาจากร้านผักโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
ตอนที่ชั้นมาถึงร้านตีเหล็ก ชั้นก็เอาหนังหมาป่าออกมา
ชายที่ชื่อโบนเป็นชายแก่อายุประมาณ 70 ปี เขากำลังหลอกเหล็กอยู่ เขาสูงกว่าอีแลนไม่มากนัก เขาเป็นคนหลังค่อม และผิวเขาก็ลีบติดกระดูก เหมือนกับชื่อเขา ผอมติดกระดูก แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังดูมีชีวิตชีวา เสียงเขาเองก็ค่อนข้างแหลมสูง ทั้งหมดนี้คือชายแก่ที่ยังคงกระปรี้กระเปร่าอยู่
ตัดสินจากความภาคภูมิใจในอาชีพของชั้น ชั้นหวังจะเห็นเขากำลังตีดาบ ชั้นไม่คิดเลยว่าจากการมองหามาทั้งวันแล้วจะไม่พบมันสักเล่มเลย ส่วนใหญ่จะเป็นมีดททำครัว จอบ และของในครัวเรือนอื่นๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำอาวุธเพื่อสู้กับสัตว์เวทย์
เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างมีฝีมือ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอาวุธ มันทำให้ชั้นรู้สึกแปลกๆ
ในอนาคตชั้นจะต้องถามให้เขาอธิบายมันแน่
“เฮ้ พ่อหนุ่ม เข้ามาสิ ด้วยเสียงแบบนี้ของข้า คนที่อยู่ข้างนอกไม่ค่อยได้ยินหรอก?”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
ชายแก่มองกลับมาที่ชั้น
“ข้าสบายดี ดวงตาของเจ้าเต็มไปด้วยประกาย ประกายแสงที่ไม่สามารถพบเจอได้ในเมืองนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ชั้นก็นึกถึงบทพูดในไบเบิลขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
-อาณาจักรแห่งพระเจ้าเป็นแบบใดกัน?
-เหมือนเมล็ดมัสตาร์ด
-ที่เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
“ลุง หลังจากนี้ถ้าว่าง จะช่วยสอนชั้นตีเหล็กทีได้มั้ย?”

เขาเคาะไม้เท้าในมือลงบนพื้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก