Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 01 ตาลุงกับโลลิ
Chapter 1: ตาลุงกับโลลิ
วินาทีที่ชั้นถูกส่งมายังโลกนี้ ชั้นก็คิดอยู่ตลอดว่าชั้นจะได้รับบทบาทหน้าที่อะไร
โทษทีนะ สำหรับโรคย้ำคิดย้ำทำของชั้นน่ะ
ชั้นมีเหตุผลให้เชื่ออย่างนั้น ในเมื่อชั้นมาอยู่ในรูปแบบเดิมๆคือ ผู้กล้า ถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องปราบจอม
มาร บทบาทหน้าที่มันจะต้องถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน ถึงจุดที่แค่มองครั้งแรกก็บอกได้เลยว่าเป็นอะไร
โดยที่ไม่ต้องไปสนใจเรื่องตำแหน่งของพวกปีศาจ พวกมันก็เป็นฝ่ายร้ายเหมือนๆกันนั่นแหละ
มนุษย์นั้นแบ่งประเภทได้ง่ายกว่า ยกตัวอย่าง เช่น “พวกตัวเอก” “พวกตัวรอง” “พวกตัวประกอบ” และอื่นๆ
พวกตัวเอกนั้นยังสามารถแบ่งได้เป็น ผู้นำชาย ผู้นำหญิง ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 2 ….อะไรประมาณนั้น
ทีนี้ พวกตัวเอกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ผู้กล้า เหล่าหนุ่มสาวกับพรรคพวกที่ผจญภัยไปด้วยกัน แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ปราบจอมมารได้ด้วยสกิลเท่ๆ
อ่าาา ไม่สำคัญหรอกว่าโลกมันจะเป็นยังไง ยังไงซะผู้คนก็ยังไม่เบื่อกับพล็อตเรื่องแบบนี้หรอก
ส่วนพวกที่เรียกว่าตัวรองก็คือ พวกที่มีความสัมพันธ์กับผู้กล้า ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกในกลุ่มผู้กล้า
สำหรับพวกตัวประกอบ ก็คือพวกตัวละครที่เผชิญหน้าวิกฤตพร้อมกับผู้กล้า เช่น ชาวบ้านที่ถูกพวกตัวร้ายฆ่า
แต่สุดท้ายแล้ว ชั้นล่ะ เป็นอะไร!?
ไจ้เฝอ อายุ 26 ปี และเป็นเจ้าของร้านขายอาวุธ
ตั้งแต่ชั้นเปิดร้านนี้ขึ้นมา มีคนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนซื้ออาวุธจากชั้นไปปราบจอมมาร ชั้นตั้งชื่อให้พวกเขาเป็น ‘ผู้กล้าหมายเลข 1’ , ‘ผู้กล้าหมายเลข 2’ และอื่นๆ
ตัวเลขพวกนี้ แค่ 2 ปีเท่านั้น มันก็เพิ่มขึ้นเป็น 575 แล้ว และจอมมารเองก็ยังมีชีวิตอยู่ แถมยังคอยส่งกองทัพมาก่อกวนแนวหลังของค่ายทหารพวกเราอีก
จนกระทั่งตอนนี้ ชั้นเองก็ยังไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าชั้นได้พบกับพวกตัวเอกจริงๆรึยัง และยิ่งกว่านั้น ชั้นเองคงจะถูกตัดสินว่าเป็น ‘พวกตัวประกอบ’ แหงๆ
เพราะว่าที่ที่ชั้นอยู่มันเป็นอะไรที่คล้ายกับพวกหมู่บ้านสำหรับผู้เริ่มต้นอะไรประมาณนั้น
โดยปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีปีศาจโผล่มาที่นี่สักเท่าไหร่
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่เด็กคนนี้เป็นข้อยกเว้น
“พี่จ๋า นี่…”
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ใส่หมวกสีขาวเหมือนหิมะ ชูดาบสั้นที่เปล่งประกายสีเงินขึ้นมา
ผิวสีขาวซีด ใบหน้าที่สุดแสนจะน่ารักเหมือนเด็กทารกแบบที่เด็กผู้หญิงควรจะเป็น นัยตาสีแดง
ถ้าเธอถอดหมวกของเธอออก ก็คงจะเห็นเขาเล็กๆที่งอกอยู่บนหัวเธอ เธอสวมชุดผ้าลินินแบบที่คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ใช้กัน และเธอยังสวมผ้ากันเปื้อนอีก แต่เด็กสาวที่มีลักษณะแบบนี้ ก็ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่ดีไม่ว่าเธอจะสวมอะไรก็ตาม
ถ้าจะให้อธิบายแบบสรุปล่ะก็ คงจะเป็น ‘บริสุทธิ์’ โลลิขาวๆที่สุดแสนจะบริสุทธิ์
อีแลนเป็นเผ่าภูติ เธอมีอายุประมาณ 10 ขวบ ในวันนั้น เธอปรากฏตัวขึ้นที่หน้าร้านของชั้นพร้อมกับบาดแผลเต็มตัว
ถึงแม้ว่าชั้นจะไม่เคยถามเธอเกี่ยวกับมันจนกระทั่งตอนนี้ก็ตาม แต่ชั้นคิดว่าเธอเดินกะเผลกมาถึงที่นี่หลังจากที่ฝ่าแนวป้องกันของมนุษย์มาได้แน่ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ชั้นค่อนข้างจะช็อคเลยทีเดียว ชั้นยังคิดเลยว่าเด็กคนนี้น่าจะใกล้ตายแล้ว พอเธอฟื้นขึ้นมา ชั้นยังกังวลอยู่เลยว่าจะถูกเธอฆ่าเอา
“ชั้นบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกว่าลุงน่ะ และก็เด็กไม่ควรจะเหวี่ยงดาบเล่นแบบนี้นะ”
ชั้นใช้มือข้างขวาที่สวมถุงมือหนาๆ ดึงดาบออกจากมือเธอเบาๆ
“ค่าาา แต่ว่าพี่จ๋าเองก็ยังหนุ่มอยู่เลยนะรู้มั้ย?”
เพราะตัวชั้นถือว่าแก่ในโลกเก่าน่ะ ถึงแม้ว่าชั้นจะไม่ได้ตะโกนออกมาดังๆก็เถอะ
ชั้นดึงดาบออกจากมืออีแลนและลูบหัวเธอเบาๆ
เหมือนกับแมวเลย เธอหลับตาลงแล้วก็หัวเราะคิกคัก
“วันนี้ หนูจะทุ่มแรงทำความสะอาดจนหมดเลยค่าา!”
หลังจากที่เธอพูดออกมา ชั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆร้าน บอกตามตรงนะ ไฟในร้านเล็กนี่ไม่ค่อยสว่างสักเท่าไหร่ และมันก็ไม่ได้กว้างมากนักเช่นกัน
มันเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นสองส่วน เคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงกลางร้าน ชั้นวางอาวุธ 2 อันที่ เต็มไปด้วยอาวุธที่ชั้นสร้างขึ้นมาเอง
มีดาบยาว ดาบสั้น ดาบสองคม ขวานศึก เมซ ธนูยาว หน้าไม้ หอกโลหะ สามง่าม และอื่นๆ วางขายอยู่เต็มไปหมด ตราบเท่าที่คุณจะนึกออกเลยล่ะ และอาวุธที่ขายดีที่สุดก็ยังมีแบบที่แตกต่างกันมากมายให้คุณเลือกเช่นกัน
ชั้นวางข้างหลังเคาน์เตอร์ เต็มไปด้วยผลงานที่ชั้นภาคภูมิใจ และดาบสั้นที่ทำจากเงินเมื่อกี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
งานของอีแลนก็คือ การทำความสะอาดร้าน ถูพื้น และปัดฝุ่นพวกอาวุธที่ตั้งโชว์ไว้
พูดถึงแล้ว ดาบยาวเป็นอาวุธที่ขายดีที่สุด อย่างที่ชั้นคิดไว้ พวกผู้กล้าควรจะใช้ดาบยาวเป็นอาวุธหลัก มีดเองก็ขายดีเช่นกัน ในขณะที่ พวกขวานศึกกับหอกของชั้นขายไม่ออกมาได้สักพักแล้ว
บางทีน่าจะเป็นเพราะทุกคนคิดว่ามันไม่เท่พอ ถึงแม้ว่าผมจะค่อนข้างใส่ใจทำพวกมันน่ะนะ
“โย่! นี่เป็นร้ายขายอาวุธใช่มั้ย? พวกแกเข้ามาเลย และก็หาอาวุธดีๆใช้ซะ!”
แขกงั้นหรอ?
ขณะที่กำลังคิดอย่างนั้นอยู่ในหัว ชั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ทางเข้า
มีคนที่แต่งตัวดี มีผมสีทอง ที่ดูท่าทางโง่ๆ อยู่ น่าจะมีอายุประมาณ 14 หรือ 15 ปี นี่ล่ะ ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมสีแดงเย็บกับสีขาว ดูเหมือนเสื้อผ้าที่พวกขุนนางหรือชนชั้นสูงที่มีอายุเยอะชอบใส่กัน
หลังจากเสียงตะโกนของเขา ก็มีเด็กผู้ชาย 4 คนที่มีอายุราวๆเดียวกัน เดินเข้ามาข้างใน
“ยินดีต้อนรับคุณลูกค้า คุณสามารถหาอาวุธได้ทุกประเภทจากร้านนี้ ชอบอันไหนเลือกได้ตามสบายเลย”
ชั้นไม่ได้สนใจพวกงี่เง่านี้ ดังนั้นชั้นเลยก้มหัวลงบนเคาน์เตอร์และงีบหลับตามปกติ
“ฮึ่มม ลุง! รู้ไหมข้าเป็นใคร?!”
“ไม่สำคัญหรอก ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคุณอยู่ในร้านชั้น คุณก็คือลูกค้า”
“ลูกค้างั้นเรอะ?! ข้าคือคนของตระกูลขุนนางเวอร์เกียใกล้ๆนี่! อย่าเอาข้าไปเทียบกับพวกชาวบ้านกระจอกๆนั่นเชียวนะ!”
ชาวบ้าน? โอ๊ะ ตอนนี้บทบาทชั้นคือชาวบ้านนี่นา หือ? แต่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ? นั่นฟังดูไม่ค่อยถูกแฮะ
ชั้นที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับเขา
หลังจากนั้นสักพัก ชั้นก็ได้ยินเสียงดาบกระทบกัน
“อ๊า ได้โปรด อย่าทำอย่างนั้นนะคะ อาวุธมันจะเสียหาย…”
อีแลนค่อนข้างกลัวคน เพราะอย่างนั้นเสียงเธอจึงเบามาก
ทันใดนั้นชั้นจึงเห็นเจ้าโง่นั่น กำลังเหวี่ยงดาบสองเล่มปะทะกัน เพราะดาบสองเล่มนั้นมันอยู่ในระดับกลางๆจากบรรดาของที่ชั้นทำขึ้นมา เพราะงั้นชั้นจึงไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่
ในเมื่อหมอนั่นเป็นพวกขุนนาง มันดีที่สุดที่จะเมินเขา และไม่สร้างปัญหาขึ้น
ดังนั้น ชั้นจึงวางแผนจะส่งสัญญาณไปให้อีแลนไม่ต้องไปยุ่งกับหมอนั่น
แต่อีแลนยังคงจ้องไปที่ดาบ และทันใดนั้นเธอก็ตะโกนออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นั่นเป็นดาบที่พี่จ๋าพยามอย่างหนักในการตีขึ้นมาเลยนะ! อึก..หนูหมายถึง.. มันเป็น..หยาดเหงื่อ...และเลือดเนื้อ…”
เจ้าผมทองนั่นเงยหน้าขึ้นมาและมองตรงไปที่อีแลน ถุยน้ำลายออกมานิดหน่อย และจ้องตรงไปยังดวงตาของเธอ อีแลนกลัวมากจนเธอก้มหน้าลง
เจ้าเด็กหนุ่มนั่นพ่นลมออกจมูก และทิ้งดาบลงบนพื้น
“ข้า ดูแรนท์ เวอร์เกียร์ คือคนที่จะเป็นผู้กล้า! พวกของเด็กเล่นห่วยๆนี่ ไม่สมควรจะถูกข้าใช้ซะด้วยซ้ำ!”
พวกผู้ติดตามข้างหลังเจ้าหมอนั่นพุ่งเข้ามาที่เคาน์เตอร์
ชั้นมีอายุขนาดที่ถูกเรียกว่าลุงได้แล้ว เพราะงั้นชั้นก็เลยไม่อยากจะมาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าพวกนี้สักเท่าไหร่
“ขอโทษด้วย ที่ร้านนี้ไม่มีของที่เหมาะสำหรับคุณ เพราะฉะนั้นกรุณาไปหาร้านอื่นดูเถอะ”
หลังจากที่เชิญพวกนั้นออก ชั้นส่ายหัวให้อีแลน บอกใบ้เธอว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับแขกอีกต่อไป
“เดี๋ยว!”
เจ้าหมอนั่นที่เรียกตัวเองว่าดูแรนท์ กรอกตาแล้วก็พูดกับชั้นว่า
“อย่างไรก็เถอะ ด้วยร้านเล็กๆของเจ้านี่ ปีๆนึงคงจะขายอาวุธไปได้พอสมควรสินะ? ข้าผู้นี้จะให้รางวัลเจ้าด้วยการอุดหนุนสักหน่อย ข้าคือศิษย์ของสำนักโบราณ แสงเทพจันทรา เจ้ามีดาบเรเปียร์ขายบ้างหรือไม่?”
หมอนี่พูดอย่างกล้าหาญ ด้วยมือที่เท้าเอวอยู่
ดูเหมือนอีแลนจะไม่รู้สึกถึงสัญญาณที่ชั้นส่งไปให้ และยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ชั้นจึงหยิบดาบเรเปียร์จากข้างหลังและโยนไปให้หมอนั่น
ดูแรนท์พุ่งมาข้างหน้าและรับดาบไว้ได้ และก็เริ่มลองฟันในท่าทางต่างๆ
“อืมม จากมาตรฐานฝีมือของเจ้า มันเป็นดาบที่ค่อนข้างดีทีเดียว ข้ารู้สึกคล่องมือมากเมื่อใช้มัน เจ้านี่ราคาเท่าไหร่?”
“5 เหรียญเงิน”
ราคามันถูกมากสำหรับเขา หมอนั่นโยนเหรียญทองลงบนเคาน์เตอร์ และพูดว่า
“เอาดาบแบบที่ข้าใช้เมื่อสักครู่ให้ผู้ติดตามของข้า แล้วก็ไม่ต้องทอนล่ะ”
ในอาณาจักรนี้ เหรียญทองมีค่าประมาณ 30 เหรียญเงิน
“เลือกหยิบได้ตามใจชอบเลย ขอบพระคุณที่อุดหนุน”
ชั้นไม่ใช่พวกคนหน้าเงิน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเงินที่กองอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้น ดูแรนท์ก็จับมือของอีแลนขึ้นมา
“ข้าต้องบอกเลยว่า เจ้านั้นไม่ควรที่จะอยู่ในสถานที่แบบนี้ ทำไมเจ้าไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกสักหน่อยล่ะ ตระกูลข้านั้นมีเงินทองมากมาย ถ้าเจ้ามากับข้าล่ะก็ เจ้าจะได้มีเงินทองไว้ใช้สอย เอาไปซื้อเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้อีกนะ โอ้ จริงสิ เจ้าจะได้กินอาหารอร่อยๆจนหนำใจเช่นเดียวกัน เจ้าจะมีการเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่นี่มากนัก เป็นอย่างไรล่ะ? อยากไปผจญภัยกับพวกข้าหรือเปล่า? หนึ่งเดียวที่จะได้ปราบจอมมารจะต้องเป็นข้า ดูแรนท์ผู้ยิ่งใหญ่!”
“อุก…”
เธอพยายามจะหนีออกจากมือที่จับไว้ แต่ไม่สามารถทำได้
เพระาว่าชั้นห้ามไม่ให้เธอใช้พลังภูติที่นี่ ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
วิชาดาบของดูแรนท์เป็นของจริง ชั้นคิดว่าหมอนี่ต้องผ่านการฝึกมาพอสมควร
มีทั้งฝีมือแล้วก็สถานะตอนอายุเท่านี้ ชั้นว่าหมอนี่จะต้องรุ่งโรจน์สุดๆในเส้นทางของเขาเลย
หลังจากจดจำเด็กพวกนี้ไว้เสร็จ ชั้นก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะผู้ใหญ่ซะแล้วสิ
“ถ้าคุณซื้ออาวุธเสร็จแล้วล่ะก็ ได้โปรดรีบออกจากร้านด้วย ถ้าคุณยังสร้างปัญหาให้กับลูกจ้างชั้นล่ะก็ นั่นคงจะไม่ดีแน่ๆเลยนะ”
“หุบปากไปซะ! ไม่ใช่ว่าข้าให้เงินเจ้าไปแล้วหรอกรึ พวกระดับต่ำอย่างเจ้า ควรจะเจียมตัว และจงอย่าพยายามทำอะไรเกินตัวซะ!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ถ้าแกทำให้ลูกพี่ดูแรนท์โกรธล่ะก็ แกจะต้องได้รับผลแน่นอน! ลูกพี่ดูแรนท์เป็นอัจฉริยะที่สามารถล้มหมีสีเทาได้ง่ายๆเชียวนะ! ลุงกากๆแบบแก แค่ไม่กี่ท่าก็ลงไปกองแล้ว!”
นี่มันบทพูดของตัวร้ายอะไรกันเนี่ย? พวกนี้เป็นผู้กล้าจริงงั้นหรอ?
ชั้นต้องคิดใหม่ซะแล้วสิว่าควรจะเรียกหมอนี่ว่าผู้กล้าหมายเลข 576 ดีมั้ย?
ชั้นส่ายหัว โอ้ ช่างมันเถอะ
จากที่เห็นชั้นไม่ขยับ ดูแรนท์ก็เอื้อมมือไปที่ใบหน้าของอีแลน
“พอได้แล้ว อีแลน ส่งแขก”
ประโยคนี้หมายความว่าอีแลนไม่ต้องจำกัดพลังภูติของเธอไว้อีกต่อไป
ชั้นคิดดีแล้วก่อนจะตัดสินใจแบบนี้ ในเมื่อนิสัยอีแลนเองก็ไม่ได้แย่นัก เพราะงั้นเธอคงไม่ฆ่าหมอนี่แน่นอน
เธอยังใส่หมวกสีขาวอยู่บนหัว เพราะงั้น ต่อให้เธอใช้พลังของเธอ คนธรรมดาก็คงไม่คิดหรอกว่าเด็กที่ดูบอบบางแบบนี้จะเป็นภูติได้
แน่นอนเลย ดวงตากระจ่างใสของอีแลนจับจ้องไปที่ของของดูแรนท์ และก็โยนหมอนั่นออกไปที่ประตูทางเข้าร้านได้อย่างง่ายดาย
ดูแรนท์พุ่งออกมานอกร้าน เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่งโคลน พวกลูกน้องของหมอนั่นตกใจกันใหญ่
จะบอกอะไรให้นะ ถ้าพวกนายเห็นความแตกต่างระหว่างความสามารถของคู้ต่อสู้นายขนาดนี้แล้วล่ะก็ วิ่งซะ ถ้าเป็นชั้นล่ะก็ ชั้นวิ่งอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดาย ดูแรนท์เป็นเด็กหัวทื่อไปหน่อย เรเปียร์ถูกชักออกมา เขาตั้งท่าและพุ่งเข้าจู่โจมเอแลน ทักษะเคลื่อนที่เขาฝึกมาดีใช้ได้เลย ดาบเรีเปียร์สีเงินเหวี่ยงมาด้วยความรวดเร็ว และมีประกายแสงสีเงินพุ่งไปมาๆรอบๆตัวหมอนั่น
พื้นที่ประมาณเมตรครึ่ง ที่เป็นระยะแขนรวมกับดาบเรเปียร์ กลายเป็นอาณาเขตของหมอนั่น
ที่จริงแล้วถ้านับจากประสบการณ์ต่อสู้ล่ะก็ อีแลนเสียเปรียบอย่างมากเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อหน้าฝีมือของลูกพี่ดูแรนท์แล้ว แกกลัวจนขยับไปไหนไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะ ใช่แล้ว แม้แต่นักดาบระดับสูงยังหาทางสวนกลับดาบเขาได้ยากเลยนะ!”
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว! นี่นายมีลูกน้องคอยอธิบายทักษะที่นายใช้ด้วยหรอเนี่ย? พูดก็พูดเถอะ ไม่ใช่ว่ามันควรจะมีชื่อหรือไง? อย่างพวกท่าฟันสะเก็ดดาวทำลายล้าง หรืออะไรทำนองนั้น ไม่ ไม่สิ นั่นไม่ได้ มันจูนิเบียวเกินไป…
“มันไม่มีทางหลบได้ ทักษะนี่เป็นสิ่งที่ลูกพี่ได้มาจากการเข้าใจถึงแก่นแท้ของวิชาดาบ! ท่าฟันสะเก็ดดาวทำลายล้าง!”
มันเรียกว่าท่าฟันสะเก็ดดาวทำลายล้างจริงหรอเนี่ย!?
พยายามจะอธิบายอะไรพวกนี้นี่ มันต้องยากแน่ๆเลยพวกนาย
แต่อันที่จริง ตอนนี้อีแลนถูกผลักให้ถอยออกมาเรื่อยๆ ดูเหมือนเธอใกล้จะร้องไห้แล้ว เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี
ในที่สุด เธอก็ยอมแพ้ ร้องไห้แล้วก็วิ่งมาหาชั้น
“แงงงงงง-- พี่จ๋า ช่วยหนู..”
ที่จริงตอนนี้เหมือนกับตอนแรกที่เราพบกันเลย เธอร้องไห้ แล้วก็วิ่งมากอดชั้น
ตอนนั้นเอง ที่เสื้อผ้าชั้นเต็มไปด้วยเลือด
ชั้นชูคอขึ้น
---ปังงงงง!!!
ก็นะ วันนี้ชั้นจะให้นายแค่ชิมรสชาติพื้นเท่านั้นก็แล้วกัน
ดูแรนท์ตะลึงไปหมด ปากของเขาเปิดกว้าง และน้ำลายก็เลอะเต็มพื้นไปหมด
นั่นมันเลี่ยงไม่ได้ ชั้นว่านะ ก่อนหน้านี้หมอนี่ยังมั่นใจจากการฟันดาบเล่นๆอยู่เลย แต่เมื่อหมอนี่ได้สติ หน้าเขาก็ลงไปอยู่บนพื้นเรียบร้อย จากความแรงของลูกตบบวกกับพื้นไม้ที่เก่าแล้ว ทำให้พื้นไม้แตกนิดหน่อย ถ้าเป็นชั้นเมื่อก่อนล่ะก็ หมอนี่คงหมดสติจากลูกตบชั้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
“มะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!?”
“ตาลุงนั่น มัน….”
“เป็นไปได้ยังไง….”
ชั้นกดใบหน้าของดูแรนท์ลงกับพื้นอีกครั้ง
“ไอ้งี่เง่าเอ้ย การกระทำของแกมันไม่ใช่ผู้กล้าเลยสักนิด ชั้นเปิดร้านขายอาวุธ ไม่ใช่สนามเด็กเล่น ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะเป็นขุนนาง หรือว่าคนธรรมดา ในร้านชั้น ชั้นเป็นคนคุมเฟ้ย”
ชั้นดีดเหรียญทองเมื่อกี้ขึ้นไปบนฟ้า และมันก็ตกลงบนหน้าผากของหมอนั่นพอดี
ชั้นจ้องไปที่เรเปียร์ที่ปักอยู่บนพื้น และพูดไปอีกประโยค
“ชั้นจะเอาดาบคืน แล้วก็จะไม่ขายอาวุธให้พวกแกอีกแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนดูแรนท์จะหมดสติไปแล้ว ดังนั้น ชั้นเลยสั่งให้ลูกน้องหมอนั่นทั้งสี่คนแบกหมอนั่นกลับไป
จัดการกับพวกตัวกระเปี๊ยกพวกนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจชั้นแม้แต่น้อย แต่ชั้นจะทำยังไงได้ล่ะ?
พอชั้นเห็นอีแลนขยี้ตาเพราะร้องไห้แบบนั้นแล้ว ชั้นก็โมโหขึ้นมาทันที
ถึงชั้นจะอายุเยอะแล้วก็เถอะ
สุดท้าย วันนี้ชั้นก็ไม่ได้เจอผู้กล้าอีกเหมือนเคย...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก