วันจันทร์, กันยายน 04, 2560

Atelier Tanaka ตอนที่ 4 : กิลด์นักผจญภัย(3)

กิลด์นักผจญภัย (3)
ชั้นพักค้างคืนที่โรงแรม


ในตอนเช้า หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ ชั้นก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์นักผจญภัยอีกครั้ง


ชายหัวล้านกล้ามโตคนเดิมยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ชั้นสงสัยจังว่านี่ชั้นมาตอนที่เขาทำงานพอดี หรือว่าเขาแค่ทำงานเยอะกันแน่นะ


“สวัสดี”


“อ่า แกอีกแล้ว”


(เห็นได้ชัดเลยว่าหมอนี่จำชั้นได้ด้วย ก็นะ ชาวเอเชียน่าจะดูเด่นที่นี่แหละ ชั้นเคยเห็นพวกเอลฟ์กับดวอร์ฟ และแม้กระทั่งมนุษย์สัตว์ พวกเขาทั้งหมดหน้าตาดูออกไปทางตะวันตกกันทั้งนั้นเลย)


“ชั้นอยากรับภารกิจเก็บสมุนไพรแบบเดิมกับเมื่อวานน่ะ”


“ได้เลย ถ้าเสร็จแล้วก็เอากลับมาที่นี่ด้วยล่ะ”


“อีกอย่างนึง ชั้นอยากจะดูหน่อยว่าสมุนไพรพวกนั้นมันหน้าตาเป็นยังไงน่ะ”


“เอ๋? นี่แกไม่รู้จริงๆหรอ?”


“ไม่ๆ ชั้นแค่อยากให้แน่ใจว่าเอามาถูกประเภทน่ะ”


“แกนี่น้า ปัญหาเยอะจริงๆเลยนะ”


ขณะที่บ่นไปด้วย เขาก็เอาสมุดหนังจากชั้นวางของใต้เคาน์เตอร์ขึ้นมา และดึงแผ่นหน้าพวกนั้นออกมา


“แกสามารถเก็บอันไหนก็ได้ในสามอย่างนี่ พวกเราจะรับซื้อมันเอง”


“เข้าใจล่ะ”


เอกสารที่เขาวางอยู่บนเคาน์เตอร์มีรูปของหญ้าและดอกไม้อยู่ รูปวาดนี่ค่อนข้างดีเลย ชั้นพยายามจะจำสมุนไพรพวกนั้น


“ขอบคุณมาก”


“ข้าจะเอาไปเก็บแล้วนะ”


“ขอโทษทีที่รบกวน”


หลังจากพูดคุยกันสั้นๆและตรงประเด็น ชั้นก็ออกมาจากตึกกิลด์และมุ่งหน้าไปยังป่าอีกครั้ง ชั้นตัดสินใจที่จะเดินเลียบไปตามแม่น้ำเพื่อที่จะได้ไม่หลงทางอีก


◇◆◇


ชั้นมาถึงแม่น้ำและเดินเลียบมันไปจนกระทั่งเข้าไปในป่า หลังจากนั้นสักพัก ชั้นก็เห็นรูปร่างที่คุ้นตาจากวันก่อน


“โอ๊ะ นายคือก๊อบลินเมื่อวานไม่ใช่หรอ?”


“มนุษย์….”


ก๊อบลินซังอีกแล้ว!


มันยืนอยู่ตรงแม่น้ำ จ้องมาที่ชั้น พอดูให้ดีๆแล้ว มีก๊อบลินตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนด้วย ก๊อบลินตัวเล็กหายใจหอบถี่ๆ และมีลูกธนูปักอยู่ที่แขน ดูเหมือนจะถูกยิงมาได้สักพักแล้ว แผลรอบๆลูกธนูดูบวมมาก


“เกิดอะไรขึ้น?”


“น้องฉาว….กำลัง….ชาตาย..”


“เข้าใจล่ะ น้องสาวนายสินะ”


“มานุด...นี่….รักสา..ที..”


“ได้เลย โอเค ให้ชั้นจัดการเอง”


ชั้นใช้เวทย์ฟื้นฟูใส่น้องสาวของก๊อบลินซัง ลูกธนูหลุดออกมาจากแขนของเธอ และหลังจากนั้นไม่นานนัก ผิวหนังก็ถูกรักษา อาการบวมหายไป และผิวหนังรอบๆแผลก็เปลี่ยนจากสีแดงไปเป็นสีเขียว


ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น


(เร็วโคตร! ไม่มีทางหรอกที่สกิลนี้จะไร้ค่าน่ะ)


“โอ้…”


ก๊อบลินซังจ้องมาที่ชั้นด้วยความประหลาดใจ


(มันเป็นของที่ชั้นได้รับมา สงสัยจังเลยนะว่าพระเจ้าที่ชั้นเจอนั่น ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่น้า)


“พี่ ความเจ็บปวดมัน...หายไป หายไปแล้ว!”


พวกเขาใช้เวลากอดกันอยู่พักหนึ่ง


(ดีแล้วล่ะนะ)


ที่จริงผมรู้สึกประทับใจนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขาไปซะทั้งหมด เพราะผมไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์เป็นตายแบบนี้


“.....มานุด.. ช่วย..เรา ขอบคุณ..”


“อ่า ไม่เป็นไรหรอก”


“ขอบคุณค่ะ”


น้องสาวของก๊อบลินซังมองมาที่ชั้นขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา

(อืม นี่คงเป็นเรื่องปกติสำหรับก๊อบลินสินะ)


(ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้หญิง ชั้นเดาว่าคงเพราะเป็นคนละเผ่าพันธุ์กันสินะ)

“ชั้นมีงานต้องทำ เพราะงั้นขอตัวนะ”

ชั้นยังต้องไปหาสมุนไพร

ก๊อบลินซังหยุดชั้นไว้

“วานนี้….ก้อ..สมุนไพร?”

“โอ๊ะ? ใช่แล้วล่ะ”

(สุดท้ายแล้ว ใครที่ไม่ยอมทำงานก็ย่อมไม่มีกิน)

ในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าคุณจะขาดงานสักวันหรือสองวัน ทางบริษัทก็ยังจ่ายคุณอยู่ดี คุณสามารถเปิดเว็บสุ่มๆเอา แล้วอ้างว่าศึกษางาน หรือพัฒนาฝีมืออยู่ แล้วทุกอย่างจะโอเค

แต่ตอนนี้ การที่มีแค่กระเป๋าหนังกับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เป็นเครื่องบ่งบอกตัวตน ทำให้ชั้นหยุดกังวลไม่ได้เลย

(ถ้าหากชั้นไม่มีเวทย์ฟื้นฟู บางทีตอนนี้ชั้นคงจะเครียดจนเป็นบ้าไปแล้ว)

“ถ้าง้านน รอ ข้า จาเกบ มาห้าย”

“เอ๋? เอาจริงหรอ?”

“จาปาย ห้ายเอง แต่ จ้าว รอ ที่นี่”

“ได้สิ ชั้นจะรออยู่นี่แหละ”

(มันคงจะช่วยได้เยอะเลย ถ้าเขาเก็บสมุนไพรพวกนั้นมาให้ชั้นอีก)

◇◆◇

(ชั้นแค่ต้องรออยุ่ตรงนี้สักพัก จากนั้นก็.)

ตอนที่ชั้นกำลังจะยอมแพ้กับการรอ ก๊อบลินก็กลับมา เขาแบกกระเป๋าหนังใบใหญ่เต็มทั้งสอมมือ น้องสาวของเขาก็อยู่ด้วย เธออุ้มกระเป๋ามาด้วยอีกใบ

“โอ้ กระเป๋าใบใหญ่พวกนั้นของนายหรอ”

“นี่ ซา หมุน ไพร”

พวกเขาวางกระเป่าลงที่เท้าของชั้นดัง ปึก พอมองเข้าไป มันเต็มไปด้วยหญ้าสมุนไพร

(พวกเขาเก็บมาเยอะแค่ไหนกันเนี่ย?)

“จะให้ชั้นหมดนี่เลยหรอ?”

“ยาง ยางมีอีก รอ..”

“ไม่ ไม่ นี่ก็พอแล้ว แค่นี้ก็เหลือๆแล้ว”

(ชั้นไม่แน่ใจเลยว่าจะแบกของพวกนี้ทั้งหมดกลับไหวรึเปล่า)

“..พอ?”

“แน่นอนที่สุด ชั้นไม่ต้องการมากกว่านี้แล้วล่ะ”

“ข้าว จาย แล้ว…”

เขาแลดูท่าทางผิดหวัง

(เจ้าก๊อบลินนี่ เป็นคนดีชะมัด!)

“ก๊อบลิน… ข้าว เมือง ม่ายด้าย ส่งแค่นี้ โตก ลง หมาย?”

“ได้ แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอบคุณมากนะ”

“นี่ เปน กาน ขอบคุณ ที่ ร้ากสา น้องสา…”

“เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

“ขอบ คูนน เจ้า ช่วย นาง ว้ายย”

“อาา ยังไงก็เถอะ ชั้นอยากจะเตือนอะไรหน่อย ไม่ก็รายงานสถานการณ์ตอนนี้น่ะ…”

“..รายงานน?”

“เมืองที่อยู่ริมแม่น้ำ พวกมนุษย์ตั้งรางวัลสำหรับการล่าก๊อบลินที่นี่ เพราะงั้น การจะอยู่ในป่านี้มันอันตราย ถ้าเป็นไปได้ นายหนีออกไปน่าจะดีกว่านะ”

“...จ้าวว ก็ จา ฆ่าา พวก ราวว หรอ?”

“ไม่ ไม่ ไม่ นายช่วยชีวิตชั้นก่อนหน้านี้ ชั้นไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก”

“ข้าว จาย แล้ว”

“ถ้านายอยากให้น้องสาวของนายปลอดภัยล่ะก็ นายควรจะย้ายไปอยู่ที่่อื่นนะ”

“...ข้า ข้าว จาย”

“แต่ชั้นจะไม่บอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่นะ”

“อืมมม ช่ายย”

(เจ้าก๊อบลินนี่น่ารักดีแฮะ)

“พี่ ซายย?”

น้องสาวตัวเล็กของก๊อบลินมองหน้าชั้นสลับกับพี่ชายของเธออย่างเป็นกังวล

(ก็นะ พวกเขาคงจะน่ารักแน่ๆ ถ้าหน้าตาไม่น่าเกลียดน่ะ)

(เสียงของน้องสาวเอ็งก็ไม่เลวเหมือนกัน)

“ข้าว จาย แล้ว ถ้า ง้านน ป่านี้ จา ออก ปาย”

“ชั้นคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี”

“..ลา...ก่อนนน”

“ใช่ ลาก่อน บางทีสักวันเราอาจจะได้พบกันอีก”

“ช่ายย พบกานอีก สาก วานน”

จากนั้นก๊อบลินสองพี่น้องก็จากไป มุ่งหน้าลึกเข้าไปในป่า ทิ้งชั้นไว้กับสมุนไพรจำนวนมาก

◇◆◇

ชั้นมุ่งหน้ากลับ พร้อมกับแบกกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองใบ เพราะแบบนั้น เลยทำให้การกลับเมืองใช้เวลานานเป็นสองเท่า สมุนไพรเต็มไปหมดแบบนี้มันก็ไม่หนักเท่าไหร่ แต่ขนาดของมันทำให้อึดอัด

จากทางเข้าเมือง ชั้นมุ่งตรงไปยังกิลด์นักผจญภัย

ชั้นเปิดประตูไม้เข้าไป แต่ชั้นก็ยังไม่ชินอยู่ดีที่ไม่มีเสียงต้อนรับ ตอนที่เข้าไปข้างใน

“ขอโทษนะ ชั้นมีของอยากจะแลกเปลี่ยน”

ชั้นวางกระเป๋าสองใบลงบนเคาน์เตอร์ ด้วยเสียงดัง ปึง และ ชายหัวล้านกล้ามโตคนเดิมก็เดินออกมาที่เคาน์เตอร์

“..นี่มันอะไร?”

“พวกนี้น่าจะเป็นสมุนไพรนะ..”

ชั้นเปิดกระเป๋าใบหนึ่งออกแล้วเริ่มเรียงเป็นกองๆ มันมีหลายชนิด เอาตรงๆเลยนะ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“แกได้มาเยอะนะ หืมม…”

“พอดีตรงที่ที่ชั้นไปเก็บมีขึ้นเพียบเลยน่ะ”

เขามองมาที่ชั้นอย่างประหลาดใจ ชั้นก็ประหลาดใจเหมือนกันตอนที่ได้รับมาน่ะ

“ก็ดี ไม่เป็นไร ตอนที่ชั้นตรวจสอบมันแกก็นั่งรอตรงนี้ไปก่อนละกัน”

“ตกลง”

ชั้นนั่งลงตรงที่เขาชี้

เวลาประมาณบ่ายๆ อาคารกิลด์เป็นเหมือนศูนย์รวมของนักผจญภัย ทำให้มีพวกนั้นอยู่เต็มไปหมด

ชั้นเห็นบางคนยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่นักผจญภัยส่วนใหญ่ ดูอายุราวๆ 20 - 30 ปี

“......”

ชั้นรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนจ้องมาที่ชั้น

(ดูเหมือนชั้นจะดึงดูงความสนใจนิดหน่อย น่าจะเป็นเพราะชั้นเป็นชาวเอเชีย ถ้ามีชายผิวขาวมาซื้อของที่เมืองชั้นบ้าง พวกเขาก็คงถูกจ้องเหมือนกัน)

(แต่ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดีสิ)

“......”

ชั้นเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

(ถ้าชั้นได้กลับไปที่ญี่ปุ่น สาบานเลยว่าชั้นจะไม่จ้องชาวตะวันตกอีก)

(และชั้นก็เบื่อ)

เมื่อเริ่มมองหาอะไรทำ ชั้นก็สังเกตุเห็นกระดานข่าว มีตัวหนังสือที่ชั้นอ่านไม่ออกเขียนอยู่บนกระดาษและถูกปักหมุดเอาไว้

(ชั้นสงสัยจังว่าเขียนอะไรเอาไว้)

ตอนที่ชั้นคิดอยู่นั้น ก็นึกอะไรออก

(นี่แหละเป็นเวลาของสกิล ชั้นคิดว่าน่าจะเหลือแต้มสกิลอยู่อีก 1 นะ)

“ตัวหนังสือ ตัวหนังสือ การอ่าน การเขียน ความรู้ ตัวหนังสือ อะไรก็ได้ ชั้นอยากจะเขียนและอ่านออก เอาล่ะ มาเลย!”

ชั้นพึมพำกับตัวเองเหมือนกับพระที่กำลังสวดอธิษฐาน

และจากนั้น ชั้นก็รู้สึก ‘ปุ้ง’ ขึ้นมาในใจ และสมองก็สั่นสะเทือน

(..นี่มัน!)

ติดตัว : เวทย์ฟื้นฟู : Lv.Max
           ความชำนาญเวทย์: Lv.Max
           ทักษะด้านภาษา: Lv.1

ใช้งาน: เวทย์ฟื้นฟู : Lv.Max
เวทย์ไฟ : Lv.1

แต้มสกิลที่เหลือ : 0

หลังจากที่ตรวจสอบสกลิของชั้นแล้ว ชั้นก็มองไปยังกระดานข่าวอีกครั้ง

(...สุดยอดดด ชั้นอ่านออกแล้ว)

แผ่นที่แปะอยู่บนกระดานเป็นใบภารกิจตามปกติ ส่วนพวกใบหาสมาชิกจะถูกแปะเรียงอยู่ตรงกลางอย่างเป็นระเบียบ

[รับสมัครสมาชิกปาร์ตี้]
Class : แนวหลัง / (รักษา)
Rank : B หรือสูงกว่า
Notes : ถ้ามีประสบการณ์ในการเอาชีวิตรอดในหุบเขาตัวคนเดียว จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ
Organization : มังกรปีกทมิฬ (ปาร์ตี้)

[รับสมัครสมาชิกกิลด์]
Class : แนวหลัง / (รักษา)
Rank : C หรือสูงกว่า
Notes : ไม่มี
Organization : สมาคมทลายฟ้า (กิลด์)

[รับสมัครสมาชิกปาร์ตี้]
Class : แนวหน้า / (อัศวิน)
Rank : B หรือสูงกว่า
Notes : ควรมีพลังป้องกัน 3 ธาตุ
Organization : เอนด์เลส สเปียร์ (ปาร์ตี้)

[รับสมัครสมาชิกปาร์ตี้]
Class : แนวหลัง / (รักษา)
Rank : E หรือสูงกว่า
Notes : อายุน้อย
Organization : ไวท์เรน

[เข้าร่วมปาร์ตี้]
Class : แนวหน้า / (นักดาบ)
Rank : C
Notes : มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี , เชี่ยวชาญการใช้ดาบ
Name : เรย์ ยาร์ด

[เข้าร่วมปาร์ตี้]
Class : แนวหน้า / (สอดแนม)
Rank : B
Notes : มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี
Name : จอน

[รับสมัครสมาชิกปาร์ตี้]
Class : แนวหลัง / (ดรูอิด)
Rank : C หรือสูงกว่า
Notes : ไม่มี
Organization : เมทัลก๊อบลิน (แพลทตินัม)

มีประกาศแปะไว้ประมาณ 15 อันเรียงกัน

(เข้าใจล่ะ นี่คือวิธีหาคนร่วมปาร์ตี้นี่เอง)

(..มีคำขอผู้รักษาเยอะเหมือนกันนะ)

ประมาณครึ่งนึงของใบประกาศ ร้องขอผู้ที่ใช้เวทย์ฟื้นฟูได้ ขณะที่ส่วนที่เกินมาจะเป็นพวกแนวหน้า ทำให้อุปสงค์และอุปทานมันไม่สมดุลกัน

(ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้เป็นผู้ชายที่ดูน่าขยะแขยงอย่างชั้นก็คงเข้าร่วมปาร์ตี้ได้)

ดังนั้น ชั้นเลยตัดสินใจเขียนประกาศของตัวเอง

(สองย่อมดีกว่าหนึ่ง และสามย่อมดีกว่าสอง ตอนเผชิญหน้ากับอันตราย จำนวนมีความสำคัญ)

ชั้นยืนขึ้น และตรงไปที่กระดาน ตรงที่มีเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ และถ่านเพื่อใช้เขียน

[เข้าร่วมปาร์ตี้]
Class : แนวหลัง / (รักษา)
Rank : F
Notes : มือใหม่
Name : ทานากะ (อายุ 36 ปี)

(นี่น่าจะได้)

ชั้นแปะประกาศของตัวเองลงบนกระดาน

(น่าจะถูก ชั้นเขียนแม้กระทั่งอายุตัวเองลงไป เพื่อไม่ให้พวกนั้นบ่นเมื่อเจอชั้น)

ชั้นเดินกลับไปนั่งตรงเคาน์เตอร์

ชั้นตัดสินจะฟุบลงบนเคาน์เตอร์เหมือนกับว่าหลับอยู่ระหว่างที่รอ นี่เป็นสกิลที่ชั้นเพิ่มระดับจนเต็ม ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่น

ประมาณ 30 นาที ในที่สุดชายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็มาเรียกชั้น

“เฮ้ โทษทีที่ให้รอ”

“อ่า ไม่เป็นไร”

ตอนที่ชั้นเงยหน้าขึ้นมา เขาก็อยู่ตรงหน้าชั้นแล้ว

(หวาา น่ากลัวชะมัด!)

“แกเก็บมาหลายอย่างเลย แต่รวมๆแล้ว ก็ได้ประมาณ 105 เหรียญเงิน”

“เอ๋ จริงดิ?”

“มีปัญหาหรอ?”

“ไม่ ไม่ ไม่มีเลย”

มันเป็นเงินก้อนโต มากกว่าที่ชั้นคิดไว้ซะอีก

“เอ้านี่ ค่าของ”

เขาวางกระเป๋าหนังลงบนเคาน์เตอร์

“ขอบคุณ”

พอมองไปข้างใน มันเต็มไปด้วยเหรียญเงิน

(มันหนักอยู่แฮะ)

“แกน่าจะนับซะตอนนี้นะ จะได้ไม่มาว่าเอาทีหลังว่าชั้นยังไม่ได้จ่าย”

“เข้าใจแล้ว”

ชั้นนับพวกมันตามคำแนะนำ

(น่ารำคาญ.)

มันมีอยู่ 105 เหรียญเงินพอดี

“ชั้นนับเรียบร้อยแล้ว”

“มันเป็นของแกแล้ว รับไปซะ”

“ขอบคุณ”

“อีกอย่าง ชั้นจะคืนกระเป๋าให้”

“อ่า โอเค”

เขาวางกระเป๋าหนังเปล่าๆสองใบลงบนเคาน์เตอร์

ชั้นได้กลิ่นหญ้าโชยออกมาตอนที่เอาคืน

“เรียบร้อยแล้ว”

“ขอบคุณมาก”

ชั้นออกมาจากกิลด์นักผจญภัยอีกครั้ง

◇◆◇

ชั้นรู้สึกอบอุ่นจากโชคลาภที่เข้ามาอย่างคาดไม่ถึง ถ้าแปลงเป็นเงินเยนแล้ว ชั้นเริ่มจะจินตนาการถึงการซื้อรถสวยๆสักคัน

และจากนั้น ชั้นก็คิดถึงย่านโคมแดง

ดินแดนแห่งฟองสบู่
เซ็กซ์

เซ็กซ์ในต่างโลก

แบบแฟนตาซี

ด้วยเงินจำนวนนี้ การใช้จ่ายเพียงหนึ่งคืนไม่ใช่ปัญหา ชั้นไม่รู้ราคา แต่ 105 เหรียญเงินนี่คงมากซะยิ่งกว่าพอ

ถ้าชั้นเทียบค่าเงินเยนได้ถูกต้อง มันน่าจะพอไปเที่ยวคลับชั้นสูงๆในโยชิฮาระได้หลายชั่วโมงเลย

แต่เมื่อชั้นนึกได้ว่าได้เงินจำนวนนี้มาได้ยังไง ชั้นก็เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา พอคิดถึงพวกก๊อบลินนั่น ชั้นก็เริ่มไม่แน่ใจว่าชั้นจะมีความสุขจริงๆ

ชะตากรรมของก๊อบลินพี่น้องนั่นทำให้ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดี

“......”

(ทำไมชั้นถึงได้เวทย์ฟื้นฟูจากพระเจ้าหรอ? ใช่แล้ว เหตุผลหลักๆก็เพื่อที่ชั้นจะได้รักษาโรค STDs ได้)

ตั้งแต่ที่ HIV เข้ามาในญี่ปุ่นตอนปี 1985 จำนวนของผู้ป่วยก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มองกลับไป มันเป็นเหตุผลหลักเพราะว่า อาการกลัวโรคเอดส์ทำให้ชั้นยังซิงอยู่ไงล่ะ และเพราะแบบนั้น ชั้นจึงขอเวทย์ฟื้นฟู

(ชั้นหาเงินได้ยากมาก จนกระทั่งตอนนี้ แต่พอคิดไปถึงก๊อบลินสองพี่น้องนั่น...)

(มันทำให้ชั้นรู้สึกว่าควรจะใช้เงินนี้ด้วยความเคารพ)

เพราะงั้น ชั้นเลยเดินต่อไป

◇◆◇

ชั้นกลับไปยังร้านอาวุธที่ชั้นไม่มีเงินจะซื้อ

“ขอโทษที”

“อะไร เจ้าอีกแล้วเรอะ? ถ้าจะมาคุยล่ะก็ออกไปซะ”

“ไม่ใช่ วันนี้ชั้นเอาเงินมาแล้ว”

“โฮ่…?”

“ชั้นมาหาของที่มีราคาประมาณ 50 เหรียญเงินน่ะ”

“เปลี่ยนไปจากเมื่อวานได้อย่างน่าประทับใจเลยนี่”

“เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะได้งานทำไงล่ะ”

ชั้นเดินเข้าไปใกล้คนแคระเจ้าของร้านผู้หยาบคาย

เขามีใบหน้าที่ดูเป็นตาแก่หัวแข็ง แต่สูงเพียงแค่ประมาณ 1 เมตร พอๆกับก๊อบลินตัวนั้นเลย

“เจ้ารู้วิธีใช้ดาบไหม?”

“ไม่เลย”

“แล้วเจ้าใช้อะไรได้บ้าง?”

“ที่จริง ชั้นอยากจะถามว่ามีอาวุธอะไรที่เหมาะกับมือใหม่บ้าง”

“....เจ้าต้องการของเล็กๆ ไว้ใช้ป้องกันตัวใช่มั้ย?”

“ใช่ ประมาณนั้น”

“ได้ รอตรงนี้ครู่นึง”

เขาเข้าไปยังห้องด้านหลังเคาน์เตอร์ บางทีคงจะไปหาจากที่เก็บของ

ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมดาบเล่มหนึ่ง

“นี่น่าจะได้”

“...ดูธรรมดามากเลย ว่ามั้ย?”

“เพราะมันคือดาบสั้นธรรมดาๆไงล่ะ”

“เข้าใจล่ะ”

(มันถูกเรียกว่า ดาบสั้น แต่มันก็ยาวประมาณ 80 ซม.)

ชั้นไม่เคยมีประสบการณ์กับอะไรที่ใหญ่กว่ามีดทำครัวเลย และสำหรับทาสกินเงินเดือนอย่างชั้น มันแลอันตรายมากพอดูเลย

เขาส่งมันให้ชั้น

(ชั้นควรจะทำยังไงกับมันล่ะ? มันดูน่ากลัวชะมัด)

“นี่ทำจากเหล็กหรอ? หรือเหล็กกล้า?”

“เหล็ก? อะไรล่ะนั่น?”

“มันเป็นพวกโลหะน่ะ…”

“เจ้านี่ทำจากแร่เดนนิส ที่ได้จากเหมืองของคนแคระ และข้าเป็นคนตีมันขึ้นมาเอง”

“..เข้าใจแล้ว”

(หือ? มันแร่อะไรกันล่ะนั่น?)

(เอ ไม่ว่าจะทำจากอะไร มันก็ยังเป็นดาบอยู่ดี)

“เท่าไหร่?”

“20 เหรียญเงิน”

(ราคาถูกกว่าที่คิดแฮะ)

ป้ายราคาส่วนใหญ่ที่ชั้นเห็นแปะอยู่บนของที่คล้ายๆกันมีราคาสูงกว่า

(เขาคงวางของที่ดูหรูๆไว้ข้างหน้าแน่ๆ แต่รสนิยมก็ไม่เลวเลยแฮะ)

“...มีปัญหารึ?”

“เอ๋?”

“เข้าใจล่ะ ถ้างั้นแค่ 15 เหรียญเงินพอ”

“..ตกลง..”

(เยี่ยมเลย ชั้นซื้อได้ถูกลงอีก!)

เทคนิคการต่อรองราคาของชั้นเหมือนกับเป็นการพูดราคาผิดออกมา

“ชั้นจะซื้อมันเลย”

“เจ้าอยากจะได้เข็มขัดกับฝักดาบเพิ่มไหมล่ะ? ข้าคิดเพิ่มแค่ 1 เหรียญเงิน”

“อ่า ได้”

เพราะอย่างนั้น การตามหาอาวุธของชั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้น ชั้นจ่ายเหรียญเงินไป และรับดาบมา ชั้นสวมเข็มขัด และเสียบดาบลงในฝัก เมื่อชั้นเริ่มออกเดิน ดาบมันหนักอย่างน่าตกใจ ทำให้ชั้นเดินส่ายไปมาเล็กน้อย

“..มันดูไม่เหมาะกับเจ้าเลยจริงๆ”

“ใช่ ชั้นรู้”

(ไม่มีทางที่ชั้นจะใช้ไอ้นี่ได้คล่องแหงเลย)

(แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรล่ะนะ มันเอาไว้กันท่าได้ เหมือนกับพวกสงครามเย็น หรือสงครามนิวเคลียร์นั่นล่ะ)

“ขอบคุณ ถ้างั้น ชั้นไปล่ะนะ”

“ถ้ามันบิ่นก็เอากลับมาที่นี่ แล้วข้าจะซ่อมให้ คิดแค่หนี่งเหรียญเงิน”

“อ่า ได้เลย”

(เห็นได้ชัดว่าชั้นต้องการเงินไว้บำรุงรักษามันเหมือนกัน และมันค่อนข้างแพงเลยทีเดียว)

(ถ้าคิดๆดูมันก็คงเหมือนค่าบำรุงรักษารถยนต์นั่นแหละ  ดูสมเหตุสมผลมั้ย? ไม่สิ นี่มันก็แค่ชิ้นส่วนเหล็กหนาๆเอง พอชั้นคิดแบบนั้น บางทีชั้นจะจ่ายค่าดาบนี่เยอะไปรึเปล่า ยังไงก็เถอะ ชั้นจะพยายามไม่ใช้มันละกัน ชั้นไม่รู้วิธีใช้มันอย่างถูกต้อง เพราะงั้น บางทีมันอาจจะหักทันทีเลยก็ได้)

◇◆◇

(ตอนนี้ดาบก็ซื้อแล้ว ต่อไปก็ชุดเกราะ ชั้นกำลังใส่เสื้อผ้าเหมือนกับชาวเมืองทั่วๆไป - ดูไม่เหมือนนักผจญภัยเลย)

ชั้นตัดสินใจว่าอย่างน้อยๆก็น่าจะหาเกราะหนังมาใส่สักหน่อย การที่เป็นตาแก่น่าเกลียดแล้ว อย่างน้อยๆก็อยากจะใส่ชุดให้ถูกต้องบ้าง

(รูปลักษณ์ภายนอกดูสวยงาม ถึงแม้ว่าข้างในจะแย่ก็ตาม นั่นเป็นความแข็งแกร่งของผู้หญิงที่ชั้นได้รู้มา)

ขณะที่ชั้นคิดแบบนั้น ชั้นก็มาถึงร้านขายชุดเกราะ เจ้าของร้านเป็นคนแคระอีกคน

ชั้นมุ่งตรงไปที่เขา แล้วพูด

“โทษที ชั้นกำลังหาซื้อเกราะกับรองเท้า แล้วก็โล่ แบบครบชุดน่ะ”

“....ครบชุดหรอ?”

“ใช่ แบบครบชุด ขออะไรที่มันเหมาะกับนักผจญภัยน่ะ”

“...เจ้ามีงบเท่าไหร่ล่ะ?”

“ประมาณ 20 เหรียญเงิน”

“ตกลง”

(คนแคระที่นี่ก็เป็นพวกตรงไปตรงมาเหมือนกันเลยแฮะ)

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เข้าไปในห้องข้างหลังเคาน์เตอร์ ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมกับของหลายๆอย่างเต็มสองมือ

“นี่เป็นไง?”

“โอ้ ว้าว”

มันเป็นแบบครบชุดจริงๆ เกราะ รองเท้า โล่ และก็อะไรที่เหมือนกางเกง โล่มันใหญ่กว่าที่ชั้นคิดเอาไว้อีกแฮะ

“เจ้าพวกนี้คุ้มแน่นอน มันเป็นของใหม่ เจ้าจะเห็นได้ว่ามันไม่มีรอยอะไรเลย”

“ก็จริง”

(ชั้นนึกว่าเขาจะเตือนชั้นซะอีกว่ามันเป็นของมือสอง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ มันดูเหมือน 20 เหรียญเงินนี่จะอยู่คาบเส้นระหว่างของใหม่กับของเก่านะ)

“ว่าไง?”

“ชั้นจะซื้อหมดนี่เลย”

“ตกลง”

ชั้นตัดสินจะซื้อพวกมันทันที ไม่มีทางรู้คุณภาพของเกราะได้เลยว่ามันดีหรือไม่ดี เท่าที่ชั้นทำได้ก็แค่เชื่อคำแนะนำของเขา

(ชั้นเชื่อนายนะ คุณคนแคระ!)

บทสนทนาของเราค่อนข้างสั้น แค่ชั้นก็ไม่ได้อยากจะคุยกันยาวๆกับคนแคระแก่ๆสักเท่าไหร่ การจบบทสนทนาเร็วๆก็ดี

ชั้นแค่ลองเกราะหลังจากซื้อ และมันก็ไม่จำเป็นต้องปรับอะไร เห็นได้ชัดว่ารูปร่างของชั้นมันเป็นไปตามมาตรฐาน

“งั้นก็ ไปล่ะ”

“กลับมาล่ะ ถ้าเจ้าโดนโจมตี ข้าสามารถซ่อมให้ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพ”

“เข้าใจแล้ว”

ชั้นออกจากร้านขายชุดเกราะ โดยมีคนแคระมองส่ง

◇◆◇

ในที่สุดชั้นก็มีอุปกรณ์แบบครบชุด เกราะหนัง รองเท้าหนัง โล่หนัง และดาบที่ทำจากโลหะบางอย่าง ชั้นรู้สึกค่อนข้างพอใจเลย

(ทีนี้ไงต่อ?)

(อือ โอ๊ะ ตอนนี้ชั้นอยากออกไปผจญภัยซะแล้วสิ)

ชั้นเดินไปตามถนนหลักด้วยหัวใจที่พองโต

(อายุไม่ได้ส่งผลกับความตื่นเต้นเลย! ชั้นสามารถเป็นนักรบวัยกลางคนได้)

ชั้นยังเหลืออยู่อีก 77 เหรียญเงิน โรงแรมใช้แค่ 1 เหรียญเงินกับเหรียญทองแดงอีกนิดหน่อย ดังนั้น ชั้นสามารถใช้จ่ายและซื้ออาหารกินได้ไปอีกสามเดือนอย่างสบายๆ

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณก๊อบลิน

(หวังว่าพวกนั้นจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยนะ...)

ตอนที่ชั้นมองไปยังท้องฟ้าอย่างลึกซึ้ง มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง โดยพระอาทิตย์ ชั้นรู้สึกพึงพอใจกับวันนี้

(คงถึงเวลาที่ต้องไปหาข้าวเย็นกินกันแล้ว)

ชั้นเตร็ดเตร่ไปรอบๆ อุปกรณ์ใหม่มันไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ แล้วก็พบกับร้านอาหารที่แลดูดี ชั้นสั่งอาหารจานเนื้อและเบียร์ที่พวกนั้นแนะนำ ตอนที่เครื่องดื่มของชั้นมาถึง ชั้นก็ยกขึ้นฉลองคนเดียว

แน่นอนว่า ชั้นมากันคนละร้านกับเมื่อวันก่อน ชั้นไม่ต้องการโดนขว้างสิ่งของใส่อีกแล้ว อาหารก็โอเค เบียร์ก็เหมือนกัน มันก็เป็นมื้อค่ำที่ไม่เลว

หลังจากที่กินเสร็จ ชั้นก็กลับไปที่โรงแรมและนอนหลับ

Tsugumomo ภูติสาวแสบดุ ตอนที่ 8


download

วันพุธ, กรกฎาคม 19, 2560

Because I'm a Weapon Shop Uncle เพราะชั้นคือตาลุงร้านขายอาวุธยังไงล่ะ! : 25 ตาลุงกับโจร(3)

ตาลุงกับโจร(3)

“แกคือคนที่ทำร้ายลูกน้องชั้นใช่มั้ย?”

เอ๋??

ตาลุงบอกว่าหมอนี่มันแข็งแกร่งไม่ใช่หรอ?

เจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย? ปากที่ยื่นออกมากับคางที่เหมือนลิงนั่น

หมอนี่สูงแค่ 1.6 เมตร ทั้งผอมและอ่อนแอ และก็มีหนวดเป็นรูป 八 หน้าตาเขาดูเจ้าเล่ห์ และอายุก็เลย 30 ไปอีก ข้างหลังเขาเต็มไปด้วยพวกอันธพาลที่แข็งแกร่งประมาณ 40-50 คน

“ชั้นเอง”

ชั้นพยักหน้า

“หืม? จุดประสงค์ของแกคืออะไร?”

ชั้นพ่นลมหายใจเยาะเย้ยภายใต้ผ้าคลุม

“จะเป็นอะไรได้ล่ะ แน่นอนว่ามันคือ----”

การฆ่าล้างบาง!

ด้วยเสียงที่ดัง ‘ปึก’ ชั้นคุกเข่าลงบนพื้น

“พี่ใหญ่จ้านจวู่ ได้โปรดรับข้าเป็นลูกน้องด้วย!!”

“แก---”

คุณวิญญาณดูประหลาดใจจนพูดไม่ออก ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้น แต่อีกฝั่งเองก็งงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน

“แก เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”

“ถึงข้าจะเป็นพ่อค้าเร่ แต่ข้าก็ได้ยินข่าวมาว่าพี่ใหญ่จ้านจวู่กำลังรับสมัครคน นับตั้งแต่นี้ไป ช่วยใช้งานข้าเยี่ยงสุนัขด้วยเถอะ!”

“จุดประสงค์ของแกชัดเจนดี เว้นก็แต่---ชั้นเกรงว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกว่ามั้ย?”

“ฉลาดมาก สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่”

ชั้นหัวเราะออกมา เสียงนั่นทำให้ชั้นรู้สึกขยะแขยงตัวเองซะจริงๆเลย

“ที่จริงแล้ว ข้าทำเป็นต่อต้านพี่ใหญ่ก็เพราะว่าอยากจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง”

ชั้นยืนขึ้นและกระซิบใส่หูของจ้านจวู่

“ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่ไม่พอใจกับตำแหน่งของตัวเอง ข้าสามารถช่วยพี่ใหญ่ได้ ตอนที่พี่ใหญ่ก้าวขึ้นมาได้อย่างไร้ความกังวล ข้าหวังว่าจะได้จัดการเก็บเศษซากที่พี่ใหญ่เหลือทิ้งไว้”

จ้านจวู่หัวเราะออกมาทันที

“ตกลง แต่ชั้นก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน”

“แน่นอนว่าข้าแข็งแกร่งกว่าพวกลูกน้องของพี่ใหญ่เป็นร้อยเท่า”

จากการที่พูดแบบนี้ ทำให้พวกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้านจวู่ร้องคำรามออกมาทันที

“คำพูดแกมันไม่มีอะไรมารองรับ อย่างที่แกเห็น พวกพี่น้องของชั้นยังไม่ยอมรับแก ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ก็สู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดของชั้นซะ ถ้าแกชนะ ก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ ถ้าแกแพ้ล่ะก็ หึหึ ทิ้งทุกอย่างที่เป็นของแกไว้แล้วก็รีบไสหัวไปซะ”

ชั้นกำลังรอคำพูดนี้อยู่เลย ใครที่แข็งแกร่งที่สุดล่ะ? ออกมาเลย!

เฮ้ย เฮ้ย เจ้านี่มันตัวใหญ่พอดูเลยไม่ใช่หรอไง ตอนที่มันยืนอยู่ข้างๆจ้านจวู่ ดูเหมือนกับยักษ์เลย มันน่าจะสูงกว่า 2 เมตรไปอีก ชั้นยังต้องเงยหน้าขึ้นไปมองมันเลย ในตอนกลางคืน คนสูงๆแบบนี้จะบังแสงจันทร์ไว้ ทำให้คนที่ตกอยู่ภายใต้เงาจะรู้สึกว่ามันแข็งแกร่งมาก

“อย่าทำตัวกร่างให้มากนัก ไอ้เตี้ย”

มันมองมาที่ชั้นพร้อมทั้งย้ำทีละคำ

หมัดพุ่งลงมา

ถึงชั้นจะรับมันตรงๆได้ก็เถอะ แต่มันไม่จำเป็นเลย มันอาจจะดูเท่นะ แต่ชั้นจะเจ็บมือเอา

พอหมัดของมันต่อยไม่โดนอะไรทั้งนั้น ชั้นก็ต่อยเข้าไปที่หน้ามัน

ชั้นใช้แรงจากแขนหนึ่งข้างต่อยมันอย่างหนักหน่วงอยู่ฝ่ายเดียว มันเริ่มทรงตัวไม่อยู่ และก็เซล้มลงไปบนพื้น

“แบบนี้ได้มั้ย?”

คนอื่นๆถึงกับเงียบกริบ

“แค่ครั้งเดียว การโจมตีแค่ครั้งเดียวก็น็อคฮานได้….ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ การจะขับไล่เบเยอร์แมนก็เป็นไปได้แล้ว!!”

น้ำเสียงสงสัยเปลี่ยนเป็นยินดีไปในทันที

“นายวางแผนจะทำอะไรต่อ?”

คุณวิญญาณกระซิบเบาๆที่หูชั้น

“ดูอยู่เฉยๆก็พอ”

ดวงตาของจ้านจวู่กลอกไปมา มองไปที่เจ้ายักษ์ที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็จ้องมาที่ชั้น

“เอาล่ะ แกได้พิสูจน์ฝีมือแล้ว แต่แกยังต้องพิสูจน์ความภักดีอีกเช่นกัน”

“ความภักดี?”

จ้านจวู่เชิดหน้าขึ้น

“ใช่แล้ว ความจงรักภักดี แกจะแสดงให้ชั้นเห็นยังไงล่ะ?”

“เรื่องนี้...ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากพี่ใหญ่จ้านจวู่แล้ว”

จ้านจวู่โยนถุงผ้าลงมา

“ก่อนเย็นวันพรุ่งนี้ แกจะต้องเก็บเหรียญเงินมาให้เต็มถุง หรือมากกว่า แล้วก็เอามันมาคืนให้ชั้น! ถ้าแกทำสำเร็จ แกจะได้เข้าร่วมกลุ่ม แต่ถ้าแกพลาดล่ะก็ แกจะต้องเอาของมีค่าของแกทั้งหมดให้ชั้น”

ชั้นหยิบถุงผ้าขึ้นมา จำนวนที่ต้องการเพิ่มเติมถุงใบนี้ให้เต็มคือ 10 เหรียญทอง หรือ 300 เหรียญเงิน

ชั้นรู้จักวิธีนี้ เคยเห็นมาแล้วในโลกเดิม ในหนังสือซ่งเจียง ตอนที่หลินชงไปที่เหลียงชาน เขาก็ถูกบังคับโดยขุนพล

“ได้เลย พี่ใหญ่จ้าน คอยดูได้เลย แต่...ข้าเพิ่งมาเลยยังไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่ หน้าตาข้าดูแล้วคนคงไม่กลัวกัน มีทางมั้ยที่จะให้พวกนั้นรู้ว่าข้าเป็นลูกน้องของพี่ใหญ่?”

“แกคิดได้รอบคอบมาก ถ้าว่าอย่างนั้น ชั้นก็จะให้แผ่นระบุตัวตนไปคงไม่เป็นไร ถ้าแกพูดชื่อชั้นออกมาคงไม่มีปัญหา”

จ้านจวู่หยิบแผ่นสีทองแดงออกมาจากหน้าอกและส่งมันให้ชั้น

ชั้นเก็บมันใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง

“ได้เลย ข้าขอรับประกันเลยว่าจะต้องทำสำเร็จแน่นอน!”

ขณะที่ฝันหวานถึงการใช้ชั้นเพื่อกำจัดเบเยอร์แมน แม้กระทั่งการกำจัดชั้นหลังจากใช้ประโยชน์จนหมดแล้ว แก คนที่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่ไร้พรสวรรค์ จะต้องจบลงโดยการที่ถูกคนหลอกใช้

เราจะทำตรงกันข้าม

ตอนที่ชั้นได้เหรียญระบุตัวตนของจ้านจวู่มา มันก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าชั้นจะเป็นผู้ชนะ